เมื่อ 26 ธันวาคม 2565 คณะกรรมาธิการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายใต้ คณะรัฐมนตรีจีน ได้มีประกาศลดระดับมาตรการบริหารจัดการ COVID-19 ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออก จีน รวมถึงเปลี่ยนชื่อโรค COVID-19 ภาษาจีน จาก “Novel coronavirus pneumonia” เป็น “Novel coronavirus infection” เพื่อย้ำความไม่รุนแรงของ COVID-19 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้า-ออกจีน โดยยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าจีน ผู้เดินทางที่แสดงตนว่ามีอาการจะได้รับการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK หากผลตรวจเป็นบวก สามารถดำเนินการรักษาหรือกักตัวด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการหลัก 12 ข้อ ได้แก่
- เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุ
- เตรียมความพร้อมยารักษาโรคและเวชภัณฑ์สำหรับการตรวจหาเชื้อ COVID-19
- จัดเตรียมทรัพยากรทางการแพทย์
- อนุญาตให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อ COVID-19 ตามความสมัครใจ
- แบ่งประเภทผู้ป่วยและให้การรักษาที่เหมาะสม
- ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและคำแนะนำในการใช้ยา
- ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาล
- ส่งเสริมการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ชนบท
- เสริมสร้างการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด
- ยึดหลัก “ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง”
- ให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับ COVID-19 แก่สาธารณะ
- ปรับปรุงมาตรการการเดินทางเข้า-ออก จีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 12 สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้า – ออกจีน ควรต้องเข้ารับการตรวจ PCR ก่อนออกเดินทาง 48 ชั่วโมง ผู้ที่มีผลการตรวจเป็นลบสามารถเดินทางเข้าจีนได้โดยไม่ต้องขอ Green Health Code จากสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่จีน หากมีผลตรวจเป็นบวก ให้เดินทางเข้าจีนหลังจากที่ผลตรวจเป็นลบ ยกเลิกการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงจีน และมาตรการกักตัว ยกเลิกมาตรการควบคุมเที่ยวบินระหว่างประเทศ ผ่อนคลายมาตรการสำหรับการเดินทางเข้าประเทศจีน เช่น การขอรับการตรวจลงตราสำหรับการทำงาน ติดต่อธุรกิจ การศึกษา หรือการเยี่ยมครอบครัว และทยอยอนุญาตให้ประชาชนจีน สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อีกครั้งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ด้านความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวจีน สถิติจาก Qunar ระบุว่า มีปริมาณการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า โดยประเทศไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นประเทศเป้าหมายที่ชาวจีนจองตั๋วเข้ามามากที่สุด ทั้งนี้ มีการเปิด poll สำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ Weibo ว่าต้องการเดินทางไปประเทศใดเป็นที่แรกเมื่อจีนเปิดประเทศแล้ว จากผลสำรวจพบว่า มีผู้ลงคะแนนเลือกเดินทางมา ประเทศไทยเป็นอันดับสอง รองจากประเทศญี่ปุ่น
ประเทศจีนถือเป็นคู่ค้าและตลาดสำคัญของไทย จากมาตรการข้างต้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเดินทางไปทำธุรกิจ ควรเตรียมพร้อมในเรื่องของการตรวจ PCR ให้เรียบร้อยก่อนวันเดินทาง 2 วัน หรือ 48 ชั่วโมง สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเคลื่อนย้ายแรงงานไปยังจีน อาจพิจารณาดำเนินการด้านเอกสารสำหรับแรงงานตามระเบียบที่ประเทศจีนกำหนด ทั้งนี้ ควรติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับมาตรการเดินทางเข้า – ออกประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นขณะออกเดินทาง
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์