อนาคตของภาคเกษตรกรรมอยู่ที่การนำแนวปฏิบัติที่ชาญฉลาดโดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ (Climate-smart practices) และโซลูชั่นชีวภาพมาใช้ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น แนวทางที่สร้างสรรค์ในการทำฟาร์มโคนม การผลิตก๊าซชีวภาพและโซลูชั่นชีวภาพจึงกำลังเป็นที่ต้องการและจุดประกายความสนใจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเดนมาร์กได้จัดแสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านฟาร์มโคนมและก๊าซชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงการเยือนผู้แทนระดับสูงของเดนมาร์กที่รัฐแคลิฟอร์เนียระหว่างวันที่ 9 – 13 กันยายน 2567 และได้เข้าร่วม New York Climate Week ระหว่างวันที่ 22 – 29 กันยายน 2567 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ด้านโซลูชั่นชีวภาพ ระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู และเครื่องมือดิจิทัลในภาคการเกษตรโคนม โดยบทบาทสำคัญของภาคการเกษตรในการส่งเสริมความยั่งยืนผ่านโซลูชั่นธรรมชาติ (Nature-Based Solution) เช่น โซลูชั่นชีวภาพ รวมถึงเอนไซม์ ฟีโรโมน และแบคทีเรีย กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น และด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำการพัฒนาระบบอาหารโดยการลดการปล่อยก๊าซมีเทน การปรับปรุงประสิทธิภาพของทรัพยากร และการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่เศรษฐกิจที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
โดยล่าสุด องค์กร Food Nation ของเดนมาร์ก ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในภาคส่วนอาหารและการเกษตร โดยมีปัจจัยสภาพภูมิอากาศเป็นแรงผลักดัน (White Paper: Climate Driving The Transition to Carbon-Neutral Food and Agriculture) ที่จัดทำร่วมกับหลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงอาหารเกษตรกรรม และการประมงของเดนมาร์ก มหาวิทยาลัยออร์ฮูส บริษัท Arla Foods ผู้ผลิตและจำหน่ายนมและผลิตภัณฑ์จากนม สภาอุตสาหกรรมเดนมาร์ก (Danish Industry) สภาการเกษตรและอาหารของเดนมาร์ก (Danish Agriculture & Food Council) บริษัท Danish Agro Industry บริษัท Novonesis A/S ด้านเทคโนโลยีชีวภาพข้ามชาติ บริษัท SEGES Innovation P/S ด้านการวิจัยและนวัตกรรมอิสระ บริษัท Carlsberg Group ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ และบริษัท VikingGenetics ผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นทางพันธุกรรมของโค ซึ่งเอกสารดังกล่าวได้กำหนดภาพรวมของการมุ่งหน้าสู้เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Journey) ของภาคส่วนอาหารและเกษตรกรรมของเดนมาร์กที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ ผลผลิตและการดำเนินความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรมของเดนมาร์กเพื่อให้บรรลุเป้าหมายระดับชาติในการนำไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Neutrality) ภายในปี 2588 ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแนวทางปฏิบัติใหม่และเทคโนโลยีนวัตกรรมตลอดจนมีความทะเยอทะยานที่จะนำแนวทางแก้ไขปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศไปใช้ ทั้งในเดนมาร์กและทั่วโลก โดยการเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในตลาดส่งออกระหว่างประเทศ
ทางด้านองค์กร State of Green ได้เผยแพร่เอกสาร White Paper: Producing More With Less ที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบอาหารโลกที่มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยในรายงานระบุว่า ภาคการเกษตรยังเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 34.4 ของการปล่อยก๊าซ CO2 ในเดนมาร์ก หรือประมาณ 15.9 ล้านตัน ซึ่งถึงแม้จะลดลงกว่าร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับปี 2533 แต่การทำเกษตรกรรมแบบเข้มข้นยังส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ มลภาวะ และคุณภาพของดิน เมื่อความต้องการอาหารทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ภายในปี ค.ศ. 2050 ความจำเป็นในการพัฒนาประสิทธิภาพทรัพยากรและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรมจึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน ประเทศที่มีความพร้อมทางการเกษตรอย่างเดนมาร์กจึงมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการนี้โดยไม่ละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รายงานจาก IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ระบุว่า ระบบอาหาร-การเกษตรเป็นโอกาสสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การหันมาบริโภคพืชเป็นหลัก และการลดขยะอาหาร เดนมาร์กมีความพร้อมในการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และในรายงานได้เผยแพร่แนวทางการแก้ปัญหาสำหรับระบบเกษตรและอาหารที่เน้นวิธีการดังต่อไปนี้
- การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและขับเคลื่อน Green Transition ด้วย Big Data
- การพัฒนาความร่วมมือและงานวิจัยเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การปรับปรุงระบบนิเวศในพื้นที่เกษตรกรรมด้วยการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ
- การใช้พลังงานหมุนเวียน: ใช้ไบโอแก๊ส ไบโอแมส กระบวนการไพโรไลซิส และการกลั่นชีวภาพ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
ในส่วนของภาคเกษตรกรรม เกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากเมล็ดพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ การจัดการพืชผลอัจฉริยะ (Smart Crop Management) และเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิต พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสูญเสียสารอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม ในภาคปศุสัตว์ มีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ ได้แก่ การปรับปรุงพันธุกรรมสัตว์ การปรับปรุงประสิทธิภาพของอาหารสัตว์ และการจัดการมูลสัตว์ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนปัญหาต่อสภาพภูมิอากาศให้กลายเป็นโอกาสที่ยั่งยืนเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่ผลิตด้วยเนื้อสัตว์ในตลาดโลก และในส่วนของโรงงานแปรรูปอาหาร บริษัทจัดหาอุปกรณ์ของเดนมาร์กจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตที่มีประสิทธิภาพและปราศจากฟอสซิลด้วยเทคโนโลยี Heat Recovery การใช้พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีการแปรรูปทางเลือกอื่นๆ
การมีรากฐานอันยาวนานด้านการวิจัยและนวัตกรรม ประกอบกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่แข็งแกร่งได้ทำให้เดนมาร์กเป็นผู้นำทาง Green Transition ในด้านอาหาร เกษตรกรรม และการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ความร่วมมือจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค (Farm-to-Fork) จะช่วยเร่งการพัฒนาและนำโซลูชั่นไปปฏิบัติเพื่อรับมือต่อความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน