สปป. ลาว มีการส่งออกกล้วยด้วยมูลค่า 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 โดยศูนย์ข้อมูลข่าวสารทางด้านการค้าของ สปป. ลาว กรมการนำเข้าและส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว ได้รายงานว่า ช่วงเดือน มกราคม – มีนาคม 2564 มีการส่งออกกล้วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 22.8, 23 และ 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้ารวมทั้งการระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้ในช่วงเดือน เมษายน – มิถุนายน 2564 มูลค่าลดลงเหลือ 22 17 และ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
.
ถึงแม้ปริมาณการปลูกกล้วยเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ภายใต้สัญญามีความพร้อมในการเก็บเกี่ยวมากขึ้น แต่จำนวนนักลงทุน และสวนกล้วยกลับลดลง จากการที่รัฐบาล สปป. ลาวระงับการให้สัมปทานพื้นที่ปลูกใหม่ และยุติข้อตกลงกับบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ โดยเฉพาะนโยบายการเกษตรสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน
.
นอกจากนี้ กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว ได้จัดทำรายการพืชผลทางการเกษตรที่มีความสำคัญลำดับต้นในการเจรจาและการเข้าถึงตลาดจีน ประกอบด้วย มันเทศ ขนุน ลำไย ส้ม ส้มโอ แก้วมังกร พริก เสาวรส ถั่วเขียว ถั่วลิสง มะเขือม่วง กะหล่ำปลี และฟักทอง รวมทั้งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ยาง มันสำปะหลัง กาแฟดิบ น้ำตาล และผลไม้ เช่น แตงโม เสาวรส และมะขามโดยมูลค่าการส่งออกรวมของผลผลิตทางการเกษตรในปี 2563 สูงถึงเกือบถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2561 สปป. ลาวมีรายได้จากการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นเป็น 750.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 และ 943 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โดยร้อยละ 80 ของผลผลิตส่งออกไปที่จีน
.
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นำเข้ากล้วยจากสปป. ลาว มากที่สุด โดยมียโยบายส่งเสริมการส่งออกกล้วย ด้วยการใช้ระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract farming) เพื่อขายผลผลิตล่วงหน้าให้แก่คู่สัญญา ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจลงทุนด้านผลไม้หรือสินค้าการเกษตรในสปป. ลาว สามารถศึกษาระบบเกษตรพันธสัญญาเพิ่มเติม รวมถึงการคำนึงถึงนโยบายการเกษตรสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน ของสปป. ลาว ที่พยายามลดการใช้สารเคมีอันตรายในการเพาะปลูก เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้ายาปราบศัตรูพืช ซึ่งสามารถช่วยยกระดับมาตรฐานการเพาะปลูกผลไม้ในอาเซียน เพื่อส่งออกสู่ตลาดโลกที่กำลังให้ความสำคัญกับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพได้อีกด้วย
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์
.
ที่มา: นสพ. Vientiane Times วันที่ 16 พ.ค. 2564