ชาวจีนยกย่อง “รังนก” ว่าเป็นอาหารเสริมสุขภาพชั้นเลิศ และมีสรรพคุณทางยาแบบครอบจักรวาล อาทิ บำรุงสุขภาพ บำรุงผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนเพลีย ป่วยเรื้อรัง บำรุงปอด เสริมภูมิคุ้มกัน ฯลฯ นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังชี้ให้เห็นว่า รังนกสามารถช่วยเสริมความงามของผิวด้วย จึงยิ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่หญิงสาวชาวจีน โดยกลุ่มบริษัทอาลีบาบา (Alibaba) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้าน
[su_spacer]
E-Commerce เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ต ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เผยว่า ใน 10 อันดับแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพยอดนิยม มีถึง 6 แบรนด์ที่เป็นผลิตภัณฑ์รังนก และบางแบรนด์มียอดขายวันเดียวทะลุหลักร้อยล้านหยวน นอกจากนี้ ยอดขายรังนกยังมีอัตราขยายตัวถึง 40% โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันคนโสด 11.11 แสดงให้ถึงโอกาสอันสดใสของรังนกในตลาดจีน
[su_spacer]
จีนเป็นประเทศที่มีการบริโภครังนกมากที่สุดในโลก โดยกว่า 90% ของรังนกที่ผลิตได้จากทั่วโลก จะถูกส่งไปจำหน่ายในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น “รังนกดิบ” ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการคัดขนและสิ่งแปลกปลอม “รังนกบริสุทธิ์” ซึ่งผ่านการคัดแยกขนและทำความสะอาดแล้ว และรังนกที่ผ่านการแปรรูปเป็น หรือ “ผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูป” โดยแหล่งนำเข้าหลักที่จีนอนุญาต มาจาก 3 ประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
[su_spacer]
จีนจึงเป็นตลาดนำเข้ารังนกที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยผลิตภัณฑ์รักนกไทยได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวจีนในฐานะสินค้าพรีเมียม ทั้งในด้านคุณภาพ ขนาด รสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมจากสภาพภูมิอากาศของไทยที่ดีและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ปัจจุบัน ไทยผลิตรังนกได้ปีละ 200 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งหากจำหน่ายรังนกในไทยจะได้ราคาประมาณกิโลกรัมละ 80,000 – 120,000 บาท แต่ถ้าหากไปจำหน่ายในจีนจะได้ราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท สามารถสร้างมูลค่าและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ไม่น้อย
[su_spacer]
อย่างไรก็ตาม เส้นทางรังนกไทยไปจำหน่ายในจีนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทางการจีนสั่งระงับ การนำเข้ารังนกที่ยังไม่แปรรูปจากต่างประเทศในปี 2554 เนื่องจากตรวจพบสารไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ในระดับเกินมาตรฐานปนเปื้อนอยู่ในรังนกมาเลย์ และปัญหารังนกปลอมซึ่งทะลักเข้าสู่ตลาดจีนเป็นจำนวนมาก ฝ่ายไทยต้องใช้เวลาถึง 6 ปี ในการเจรจาเพื่อให้ฝ่ายจีนปลดล็อกคำสั่งระงับการนำเข้ารังนกจากต่างประเทศ จนกระทั่งปี 2560 ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสู่จีน ส่งผลให้ยอดส่งออกรังนกของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่าตัว
[su_spacer]
ความต้องการบริโภครังนกในตลาดจีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาลกับโอกาสทางธุรกิจที่ผู้ค้าจากหลายประเทศกำลังจ้องมองและอยากคว้าเอามาไว้ในมือ ในขณะที่ความเชื่อใจในคุณภาพของรังนกไทยของผู้บริโภคจีนยังเป็นแต้มต่อ ทำให้ยังมีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยได้บุกตลาดที่จีน ได้อีกมาก อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจีน เช่น ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานและเย็น ดังนั้น รังนกพร้อมดื่มที่เน้น เจาะตลาดจีนจึงไม่ควรมีรสหวานจนเกินไป รังนกสูตรไม่มีน้ำตาลหรือ Low Fat เป็นอีกหนึ่งชนิดสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพ ผู้มีปัญหาโรคอ้วน เพื่อเอาชนะใจกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ การพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมรังนกก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้ อาทิ การทำขนมต่าง ๆ ไส้รังนก อีกทั้งชาวจีนนิยมซื้อรังนกในแทบทุกโอกาส โดยชาวจีนบางคนมองว่ารังนกเป็นอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสุขภาพและเป็นอาหารเสริมความงามจากภายในสู่ภายนอกที่สามารถบริโภคได้เป็นประจำและสม่ำเสมอ
[su_spacer]
สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหนึ่ง คือ การใช้แพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Tmall และ JD ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์รังนกเพราะตลาด E-Commerce ของจีนมีขนาดที่ใหญ่มาก และผู้บริโภคจีนที่มีแนวโน้มที่จะซื้อหาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าการซื้อสินค้าหน้าร้าน ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจในการเจาะตลาดจีนซึ่งช่องทางค้าออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการนั้นถือได้ว่ามีความได้เปรียบด้านต้นทุนการจำหน่าย การกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน รวมถึงความสะดวกและรวดเร็ว
[su_spacer]
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ประสงค์ส่งสินค้ารังนกและผลิตภัณฑ์ไปจีน สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับระบบการผลิตสินค้ารังนกได้ทางสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ (สพส.) กรมปศุสัตว์ เพื่อประสานงานต่อไปยังหน่วยงาน CNCA ในการขอขึ้นทะเบียนโรงงานต่อไป และผู้ที่สนใจทำธุรกิจรังนกบ้านสามารถศึกษาแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการบ้านนกแอ่นกินรังตามข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)
[su_spacer]
ที่มา
https://ditp.go.th/contents_attach/150637/150637.pdf
[su_spacer]
โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง