สํานักงานสถิติแห่งชาติไนจีเรียรายงานว่า สถิติการนําเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศของไนจีเรียมีมูลค่า 920.54 พันล้านไนราในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยมูลค่าสินค้าอาหารนําเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.45 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 95.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ทั้งนี้ ปริมาณการนําเข้าอาหารของไนจีเรียจากต่างประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีเนื่องจากวิกฤตราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นสูงและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40.5 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 โดยราคาข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 169 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้สร้างความตึงเครียดให้กับครัวเรือนทั่วประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจของไนจีเรียที่เปราะบางอยู่แล้วรุนแรงขึ้น กอปรกับการนําเข้าอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลในการระงับการชําระภาษีนําเข้าสําหรับสินค้าอาหารหลัก ยา และสินค้าจําเป็นอื่นๆ เป็นระยะเวลาหกเดือนแรกเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ
วิกฤตการณ์ด้านอาหารยังนําไปสู่การนําเข้าสินค้าจําเป็นอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสําเร็จรูปและเคมีภัณฑ์ ทําให้การชําระเงินนําเข้ารวมสําหรับสินค้าเหล่านี้อยู่ที่ 12.64 ล้านล้านไนราในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเพิ่มขึ้นจาก 9.27 ล้านล้านไนราในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นในไนจีเรียกําลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี เนื่องจากมาตรการยกเลิกเงินอุดหนุนเชื้อเพลิง และการลดค่าเงินไนราทําให้เกิดวิกฤตเงินเฟ้อ ซึ่งภาคส่วนต่าง ๆ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อแก้ไขวิกฤติทางเศรษฐกิจ ซึ่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารของประเทศเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 40.5
ข้อมูลจากสํานักงานสถิติแห่งชาติไนจีเรีย แสดงให้เห็นว่า มูลค่าของอาหารที่ได้นําเข้ามาในประเทศ ผ่านทางการเดินเรือ เครื่องบิน ยานพาหนะ และช่องทางอื่น ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 จากไตรมาสที่ 4 ในปี 2566 โดยสินค้าเกษตรที่สําคัญที่นําเข้าในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ได้แก่ ข้าวสาลีรัม (ไม่ใช่เมล็ดพืช) จากแคนาดา มูลค่า 130.26 พันล้านยูโร และลิทัวเนีย มูลค่า 98.63 พันล้านยูโร ตามมาด้วยเนื้อปลาไวทิ้งสีน้ําเงินแช่แข็งจากเนเธอร์แลนด์มูลค่า 16.67 พันล้านยูโร มูลค่ารวมของการนําเข้าข้าวสาลีในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 519.75 พันล้านไนรา ในขณะที่ ต้นทุนเฉลี่ยของการนําเข้าข้าวสาลีของไนจีเรียซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสําคัญของมูลค่าการนําเข้าอาหารในไตรมาสแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับมูลค่าในไตรมาสก่อน (391.01 พันล้านไนรา) และไนจีเรียยังคงเพิ่มการนําเข้าข้าวสาลีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงเป็นทางเลือกอาหารยอดนิยมของผู้บริโภคไนจีเรียขณะนี้ ท่ามกลางราคาของอาหารทดแทนที่ใกล้เคียงกันมีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าว เป็นต้น
เมื่อพิจารณาแยกตามประเทศ ไนจีเรียนําเข้าสินค้าส่วนใหญ่มาจากเอเชีย จีน ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา โดยที่การนําเข้าอันดับต้น ๆ ได้แก่ เชื้อเพลิงแร่โดยมีมูลค่า 4,436.59 พันล้านไนรา คิดเป็นร้อยละ 35.09 ของการนําเข้าทั้งหมด ตามด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่งมูลค่า 3,170.35 พันล้านไนรา คิดเป็นร้อยละ 25.08 ของการนําเข้าทั้งหมด เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีมูลค่า 1,786.43 พันล้านไนรา คิดเป็นร้อยละ 14.13 ของการนําเข้าทั้งหมด
สำหรับโอกาสของผู้ประกอบการไทย จะเห็นได้ว่า ไนจีเรียนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่งเป็นอันดับที่ 2 รองจากเชื้อเพลงแร่ ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าดังกล่าวเป็นลำดับต้น ๆ อาจพิจารณานำเสนอสินค้าในตลาดไนจีเรีย ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมของสถานเอกอัครราชทูต เพื่อสร้างการรับรู้ และไม่ลืมที่จะติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อโอกาสในการส่งออกในอนาคต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์