บริษัท Samsung ตั้งเป้าหมายให้ศูนย์ดังกล่าวเป็นฐานกลยุทธ์ของบริษัทสำหรับการวิจัยและพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนักวิจัยประมาณ 3,000 คน จะเน้นวิจัยและพัฒนาโทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่สัมผัสหน้าจอได้ (Tablet PC) รวมทั้งผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาให้ศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์ชั้นนำระดับโลกผ่านการส่งเสริมความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีต่าง ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยของวิศวกรเวียดนามในด้าน AI Internet of Things (IoT) Big Data และ 5G เป็นต้น
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 บริษัท Samsung จัดพิธีเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทฯ ณ เขต Tay Ho กรุงฮานอย โดยมีนายกรัฐมนตรีเวียดนามและนาย Lee Jae Yong ประธานบริษัท Samsung Electronics รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของเวียดนามเข้าร่วม โดยศูนย์ R&D ดังกล่าวเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2563 ด้วยมูลค่าลงทุน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้มูลค่าการก่อสร้างทั้งหมด 1,300 คน/วัน เพื่อให้สร้างเสร็จภายในปี 2565 ตามที่บริษัทฯ ได้ให้คำมั่นกับรัฐบาลเวียดนามไว้ โดยศูนย์ดังกล่าวมีพื้นที่ก่อสร้าง 11,603 ตารางเมตร และพื้นที่รวมภายในอาคารทั้งหมด 79,511 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคาร 16 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น
นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ขอให้ บริษัท Samsung ช่วยสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งนี้ บริษัท Samsung มีโรงงานผลิตในเวียดนาม ทั้งหมด 4 แห่ง โดยเมื่อปี 2551 บริษัท Samsung ตั้ง โรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือแห่งแรกในเวียดนาม ที่ จ. บิ๊กนิญ และเปิดโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือแห่งที่ 2 ที่ จ. ท้ายเงวียน ในปี 2559 โดยถือเป็นโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือของ Samsung กว่าร้อยละ 50 ผลิตในเวียดนาม ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท Samsung ยังตั้งโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในบ้านที่นครโฮจิมินห์อีกด้วย โดยมูลค่าการลงทุนรวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 18.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเกิน 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565
หลังจากเวียดนามและเกาหลีใต้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 30 ปี (ตั้งแต่ปี 2535) ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในหลายด้านและได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนเวียดนามที่สำคัญระหว่างกัน โดยบริษัท Samsung เป็นนักลงทุนเกาหลีใต้รายใหญ่ที่สุดและเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนรวมเกือบ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นายกรัฐมนตรีเวียดนามขอให้บริษัทฯ เริ่มทดลองผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปที่โรงงานของบริษัทฯ ใน จ. ท้ายเงวียน เพื่อที่จะสามารถผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบใน เดือนกรกฎาคม 2566 และบรรลุการสร้างห่วงโซ่การผลิตในด้านอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนาม
แม้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Samsung ได้ประกาศว่าจะลงทุนเพิ่มเติม 920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงาน Electro-Mechanic ที่ จ. ท้ายเงวียน แต่จากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยจากภาวะเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยที่สูง รวมทั้งผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน Samsung จึงได้ประกาศปรับเป้าหมายการผลิตโทรศัพท์มือถือในเวียดนาม เพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งแหล่งข่าวอ้างอิงจากสำนักข่าว เกาหลีใต้ ระบุว่า Samsung Electronics อาจมีแผนปรับการผลิตในเวียดนาม ลดลงร้อยละ 46 ในปี 2566 ด้วย
การเปิดศูนย์ R&D ของ Samsung ในครั้งนี้ นับว่าเกาหลีใต้มองเวียดนามเป็นฐานการผลิตสำคัญที่สุดในภูมิภาค ทั้งนี้ บริษัท LG Group ระบุว่า จะลงทุนเพิ่มเติมในเวียดนามอีก 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในหลายด้าน พร้อมจะสร้างศูนย์ซอฟต์แวร์ และจะผลักดันให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตกล้องสำหรับโทรศัพท์มือถือในอนาคต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์