คงเป็นชื่อที่หลายคนคุ้นหูมากขึ้น ภายหลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัท BYD Auto ได้ส่งยานยนต์ไฟฟ้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย บริษัท BYD Auto ไม่เพียงแต่จะมีแผนการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้ามายังประเทศไทยเท่านั้น บริษัท BYD Auto ยังได้ตัดสินใจลงทุนรวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทในประเทศไทย ในโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบยานยนต์แบตเตอรี่ (Electronic Vehicles: EV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (Plug-In Hybrid Electric Vehicle: PHEV) กว่า 3 รุ่น ที่นิคมอุตสาหกรรม WHA จังหวัดระยองที่คาดว่าจะเกิดการจ้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2568
บริษัท BYD Auto หรือที่มีชื่อเต็มว่า “Build Your Dream” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 โดยปัจจุบันบริษัท BYD Auto มียอดจำหน่ายยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นอันดับ 1 ของจีน และเป็น 2 ของโลกรองจาก Tesla โดยเมื่อปี 2564 มียอดจำหน่ายรถยนต์รวม 730,093 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.4 จากปี 2563 โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 593,745 คัน ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 กว่าร้อยละ 231.6 ล่าสุด ช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2565 บริษัท BYD Auto จำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ (EV และ PHEV) รวม 647,914 คัน เพิ่มขึ้น 3.15 เท่า จากปี 2564 ซึ่งเป็นสถิติที่ทำให้ BYD สามารถแซงหน้าบริษัท Tesla ที่เป็นคู่แข่งสำคัญที่ขับเคี่ยวกันในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงจุดแรกเริ่มเมื่อปี 2551 บริษัท BYD Auto เป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตรถยนต์ PHEV ในปริมาณการผลิตจำนวนมาก (world’s first mass-produced plug-in hybrid automobile) ซึ่งความก้าวหน้าดังกล่าว ได้เป็นจุดสนใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก โดยเฉพาะไทย ซึ่งได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2503 และเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal combustion engine: ICE) ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน หลังจากนั้น หน่วยงานภาครัฐของทั้ง 2 ประเทศต่างร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ผ่านการเยือนของผู้แทนระดับสูง และการจัดการประชุมในกรอบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันในด้านอุตสาหกรรม EV และยานยนต์อัจฉริยะ จนสุดท้ายแล้วเกิดผลลัพธ์ในการผลักดันให้บริษัท BYD Auto ตัดสินใจเลือกจุดหมายการลงทุนในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา
ด้วยศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากการเป็นฐานการผลิตของบริษัทยานยนต์ชั้นนำจากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีปริมาณการผลิตในปี 2563 สูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และอันดับ 11 ของโลก และในปัจจุบันไทยให้ความสำคัญต่อเนื่องกับการส่งเสริมนวัตกรรมด้านยานยนต์ ทั้งยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ในประเทศ ซึ่งการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของบริษัท BYD Auto จึงถือเป็นโอกาสที่จะนำไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในตลาดทั่วโลก พร้อมทั้งเป็นพลวัตสำคัญให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยสามารถพัฒนาเข้าสู่เทคโนโลยียุคใหม่ และรักษาความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกต่อไป
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว