ปัจจุบันนี้ วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (MSMEs) ได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมาก รัฐบาล สปป. ลาวจึงได้เล็งเห็นความสำคัญและกำหนด 7 นโยบายในแผนพัฒนา MSMEs ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (2564 -2568) ซึ่งเน้นการพัฒนา MSMEs ให้มีคุณภาพ มีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 ได้ อันประกอบด้วย
.
1. ส่งเสริมธุรกิจใหม่ (Start up) โดยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงระบบคมนาคม และอินเทอร์เน็ตให้มีคุณภาพในอัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ พร้อมกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน สร้างโอกาสในการเข้าถึงการบริการ เสริมสร้างประสิทธิภาพของศูนย์บริการ SMEs ส่งเสริมธุรกิจที่ก่อตั้งใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารในการบริหารธุรกิจ ธุรกิจผลิตสินค้าหัตถกรรม อาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ รวมทั้งการผลิตสินค้าหนึ่งเมือง หนึ่งผลิตภัณฑ์ (ODOP) แบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สีเขียว ยั่งยืน และได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
.
2. ยกระดับการบริหารธุรกิจ การเข้าถึงตลาด แหล่งทุน เทคนิค นวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมถึงบรรจุภัณฑ์และตราสินค้า เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและความสามารถในการแข่งขัน โดยเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาการ ให้ผู้ประกอบการและผู้ที่มีแนวคิดริเริ่มในการดำเนินธุรกิจให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงินต่าง ๆ อย่างสะดวก และลดความเสี่ยงจากแหล่งทุนนอกระบบ ปรับปรุงกลไกและขั้นตอนการเข้าถึงสินเชื่อของ MSMEs เพื่อส่งเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพ รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน ผลิตภัณฑ์ของสถาบันการเงิน คุณภาพของระบบการบริหารของสถาบันการเงินให้เข้มแข็ง เพื่อให้ธุรกิจ SMEs เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตและตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการผลิตและการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่
.
3. สานต่อการหาแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางด้านแหล่งทุนให้กับ MSMEs ที่มีศักยภาพด้านการผลิตและส่งออก พร้อมทั้งยกระดับความรู้ทางวิชาการให้กับบุคลากรให้มีความชำนาญและทำงานเป็นระบบ
.
4. ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยกำหนดนโยบายให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสม
.
5. ส่งเสริมธุรกิจแบบทั่วถึง (Inclusive Business) โดยออกนโยบายเฉพาะเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยง ด้านห่วงโซ่การผลิตระหว่างบริษัทขนาดใหญ่กับ MSMEs เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจทั้งสองให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิต
.
6. ส่งเสริมให้บริษัทขนาดใหญ่และ MSMEs สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน เพื่อปรับปรุงคุณภาพ การผลิตของประชาชนให้เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิต
.
7. ส่งเสริม MSMEs และภาคธุรกิจที่ลงทุนในภาคเกษตร อาหาร และยาให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ห้องทดลอง (Laboratory) การตรวจสอบสารเคมีตกค้าง (ดึงดูดการลงทุนในห้องทดลองและการตรวจสอบสินค้าเกษตร) ผ่านการสมทบทุนเพื่อส่งเสริมธุรกิจ (Business Assistance Facility: BAF) ให้สามารถเข้าถึงเทคนิคการผลิต แหล่งทุน เครือข่ายการผลิตสากล
.
การกำหนดนโยบายข้างต้นจะช่วยให้ สปป. ลาวบรรลุตามวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ที่เกี่ยวข้อง และทำให้ตัวชี้วัดการเริ่มต้นธุรกิจใน สปป. ลาวลดอันดับลงมาต่ำกว่า 120 ในปี 2568 ในขณะที่ตั้งเป้าจำนวนผู้ประกอบการ MSMEs รายใหม่เพื่อขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี รายได้ของ MSMEs คิดเป็นร้อยละ 18 ของ GDP ต่อปี ภาคธุรกิจได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น ODOP 20 รายต่อปี MSMEs ได้รับรางวัลธุรกิจดีเด่นอย่างน้อย 5 รายต่อปี และตลาดทันสมัย ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ขยายตัวอย่างน้อย 18 แห่งภายในปี 2568
.
ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออก MSMEs ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนมากที่สุดในปี 2563 โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เป็นกลุ่มที่ขายผ่านทางออนไลน์ได้มากที่สุดของธุรกิจ MSMEs ไทย ในส่วนของสินค้าที่มีการขยายตัวส่งออกสูง ได้แก่ สินค้าที่ดำรงต่อการดำรงชีพ เช่น อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม เครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ครัวเรือน ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยอาจวางแผนร่วมมือกับบริษัท SMEs MSMEs หรือ Start-up ของสปป.ลาว ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะในด้านเครืองมือทางการแพทย์ ยา หรืออุปกรณ์ด้านสุขอนามัย ที่เป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในช่วงการแพรระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงภาคอาหาร สินค้าเกษตร และสินค้าแปรรูป ที่มีความใกล้เคียงกับไทยและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก จะสามารถร่นระยะเวลาในการศึกษาและลงทุนได้มาก
.
สอท. ณ เวียงจันทน์
https://sme.go.th/upload/mod_download/download-20200825165315.pdf
https://www.posttoday.com/aec/news/599818
ขอบคุณรูปภาพจาก: http://www.aseanthai.net/1714/ewt/aseanthai/mobile_detail.php?cid=4&nid=10236