เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 นาย Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนาย Peter Attmaier รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหพันธ์ฯ ในช่วง lockdown ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือน พ.ย. 2563 จากวิกฤติ COVID-19 ดังนี้ มาตรการดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการ Novemberhilfe (November Aid) โดยมีงบประมาณสนับสนุนจํานวน 1 หมื่นล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ต้องปิดเนื่องจากมาตรการ Lockdown ดังกล่าว อาทิ ร้านอาหาร ผับ/ บาร์ โรงแรม ธุรกิจเสริมความงามต่าง ๆ โดยสามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือได้ถึงร้อยละ 75 – 80 ของรายได้โดยเฉลี่ยของเดือน พ.ย. 2562 หรือภายในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านยูโร
.
สําหรับร้านอาหารที่ยังเปิดให้บริการแบบมารับเอง (take away) หรือส่งถึงบ้าน (delivery) ก็สามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือได้เช่นกัน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือจากส่วนต่างรายได้ถึงร้อยละ 75 ของเดือน พ.ย. 2562 สําหรับผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการอิสระ และศิลปิน ที่ได้รับผลกระทบยังสามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนเงินกู้ช่วยเหลือจากธนาคารเพื่อการฟื้นฟูของรัฐ (Kreditanstalt fur Wiederaufbag – KW) สําหรับธุรกิจได้และสําหรับลูกจ้างในธุรกิจต่าง ๆ ยังสามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือจากโครงการ Kurzarbeit ได้ อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลสหพันธ์ฯ ได้ขยายเวลาโครงการ Kurzarbeit จนถึงสิ้นปี 2564 (จากเดิมที่กําหนดถึง สิ้นปี 2563) จะไม่ขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือร้อยละ 16 จากร้อยละ 19 ที่รัฐบาลเคยกําหนดไว้ตั้งแต่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2563
.
มาตรการ lockdown ครั้งนี้ เป็น tight lockdown กล่าวคือ มาตรการต่าง ๆ ไม่เข้มงวด เท่ากับช่วงต้นปี (มี.ค. – เม.ย. 2563) เนื่องจากรัฐบาลได้กําหนดสาขาในบางธุรกิจที่จําเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว ทําให้ธุรกิจบางสาขา เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจเสื้อผ้า รองเท้า ร้านขายของชํา ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า ยังเปิดให้บริการได้ ซึ่งเป็นการลดภาระของภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือ และธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมีจํานวน น้อยกว่าการ lockdown ก่อนหน้านี้ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ light lockdown ในครั้งนี้ ต่างมีเวลาเตรียมตัว เนื่องจากรัฐบาลประกาศการ lockdown ล่วงหน้าถึง 4 วัน โดยเฉพาะร้านอาหาร ซึ่งหลายร้านมีเวลา ประชาสัมพันธ์การเปิดร้าน การจัดเมนูสําหรับ take away และการวางแผนการยื่นเรื่องขอเงินช่วยเหลือได้ รวมทั้งได้มีร้านอาหารที่เข้าร่วมกับบริษัทส่งอาหารถึงบ้านมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวจากมาตรการ light lockdown เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการสัมผัสและใกล้ชิดกันค่อนข้างมาก ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มากกว่าธุรกิจอื่น ซึ่งรวมถึงร้านอาหารไทยและร้านนวดและสปาไทยด้วย
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลินได้สอบถามเป็นการภายในกับธุรกิจร้านอาหารไทยและร้านนวด รวมถึงสปาไทย ทราบว่าเจ้าของธุรกิจได้รับแจ้งมาตรการความช่วยเหลือของรัฐบาลสหพันธ์ฯ ข้างต้นโดยตรงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการกําหนดรายละเอียดและวิธีการยื่นขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปภายในสิ้นเดือน พ.ย. 2563 เจ้าของธุรกิจจึงจะสามารถดําเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน