รายงานเกี่ยวกับผลการศึกษาค่าครองชีพในเมือง 133 แห่งทั่วโลกโดย The Economist Intelligence Unit (EIU) ตามที่วารสาร The Economist ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา โดย EIU ได้จัดอันดับให้กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพที่แพงที่สุดในโลกเท่ากับฮ่องกงและนครซูริก ขณะที่เมื่อปีที่แล้วได้ถูกจัดเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 5 เช่นเดียวกับนครซูริก (ฮ่องกงคงอันดับเดิม) ตามด้วยสิงคโปร์ (อันดับที่ 4 จากเดิมเป็นอันดับที่ 1) กรุงเทลอาวีฟ (อันดับที่ 5 เดิมอันดับที่ 7) นครโอซากา (อันดับที่ 5 เดิมอันดับที่ 1) นครเจนีวา (อันดับที่ 7 เดิมอันดับที่ 10) นครนิวยอร์ก (อันดับที่ 7 เดิมอันดับที่ 4) กรุงโคเปนเฮเกน (อันดับที่ 9 เดิมอันดับที่ 11) และนครลอสแองเจลลิส (อันดับที่ 9 เดิมอันดับที่ 8)
.
การที่กรุงปารีสและนครซูริกกลายเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพที่สูงที่สุดในโลกในครั้งนี้ น่าจะมีเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการที่เงินสกุลยูโรและฟรังก์สวิสแข็งตัวมากกว่าดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ EIU สํารวจราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ใช้เป็นดัชนีวัดค่าครองชีพด้วย อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน ค่าไฟฟ้าและค่าเทอม
.
นอกจากนี้ การที่ิสิงคโปร์และนครโอซากามีค่าครองชีพลดลง น่าจะเป็นผลมาจากการที่มีคนงานต่างชาติเดินทางออกจากสิงคโปร์เป็นจํานวนมาก และสินค้าบริโภคมีราคาคงที่ที่นครโอซากาและรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้เงินสนับสนุนเงิน ช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น อาทิ การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ
.
ทั้งนี้ ในเมืองทุกแห่งที่ EIU ได้สํารวจค่าครองชีพ พบว่าราคาสินค้าบางประเภทได้รับผลกระทบจาก วิกฤต COVID-19 อาทิ เสื้อผ้าที่มีราคาลดลงเนื่องจากประชาชนชะลอการซื้อเสื้อผ้าใหม่ขณะที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์และไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักได้ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีประชาชนจํานวนมาก ที่ต้องทํางานจากที่พักและต้องการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส