“มังสวิรัติ” ถือเป็นกระแสการบริโภคที่กำลังมาแรงในสังคมยุคปัจจุบันที่ผู้คนหันมาสนใจรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระแสนี้ไม่เพียงจะส่งผลให้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น แต่ยังทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนาและเติบโตมากขึ้น จนทำให้ผู้ประกอบการไม่อาจมองข้ามถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกระแสนี้ได้
[su_spacer]
[su_spacer]
“ชาวมังสวิรัติ” ตามคำจำกัดความของชมรมมังสวิรัติ (The Vegetarian Society) คือ ผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อปลา หอย หรือผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้มาจาก การทรมานสัตว์ โดยชาวมังสวิรัติจะเลือกบริโภคอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่วต่าง ๆ เท่านั้น แต่ใครจะรู้บ้างว่า ชาวมังสวิรัติมีเป็นหลายประเภท ได้แก่ (1) วีแกน (Vegan) หรือผู้บริโภคที่ไม่บริโภคทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องเนื้อสัตว์อย่างเคร่งครัด ซึ่งชาว Vegan นั้น จะบริโภคเฉพาะอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากผัก ผลไม้ ธัญพืชแบบ 100% (2) Vegetarian หรือผู้บริโภคที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ แต่ยังสามารถบริโภค ไข่ นม และเนยได้ และ (3) Flexitarian หรือผู้บริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น สามารถทานเนื้อสัตว์ได้เป็นครั้งคราว
[su_spacer]
The Vegan Society ได้เผยว่า แนวโน้มความนิยมการเป็น Vegan จากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2560 โดยในปี 2561 ยอดขายของอาหาร Vegan เติบโตสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ บริษัทวิจัยตลาด Markets and Markets ได้คาดการณ์อีกว่า ตลาด Vegan จะเติบโตขึ้นสูงถึง 200,000 ล้านบาทภายในปี 2566 และปัจจุบันพบว่า แนวโน้มการบริโภคอาหารมังสวิรัติเป็นที่นิยมในยุโรป โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรที่มีประชากรชาว Vegan มากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 350% ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา นำหน้าเยอรมนีที่ครองแชมป์มาตั้งแต่ปี 2560
[su_spacer]
“สเปน” เป็นอีกประเทศที่กระแส Vegan มาแรงไม่แพ้ประเทศใด โดยบริษัท Lantern ซึ่งบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า ในปี 2562 มีผู้ที่เป็นมังสวิรัติในสเปนเกือบ 4 ล้านคน หรือคิดเป็น 9.9% ของประชากรในประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 7.8% เมื่อปี 2560 ปัจจัยนี้เองที่ทำให้ภาคธุรกิจและร้านอาหาร ในสเปนต่างออกมาขานรับต่อความต้องบริการบริโภคอาหารมังสวิรัติและ Vegan รวมทั้งใช้โอกาสนี้สร้างและขยายโอกาสทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานะของสเปน ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกที่มีการเปิดตัวสินค้า มังวิรัติและ Vegan มากที่สุดในโลก
[su_spacer]
[su_spacer]
หนึ่งในบริษัทอาหาร Vegan ที่ออกมาตอบรับกระแสนี้ คือ บริษัท Foods for Tomorrow สตาร์ทอัพเทคโนโลยีอาหารจากนครบาร์เซโลนา เจ้าของสินค้าเนื้อ Vegan “แบรนด์ Heura” ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นปี 2561 โดยมีนาย Marc Coloma เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ภายใต้สโลแกน “Save the world, eat Heura” โดยสินค้า Heura ใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าการผลิตเนื้อวัวถึง 94% และสร้างก๊าซเรือนกระจกได้น้อยกว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์หลายเท่าตัว ยืนยันได้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดซึ่งบ่งชี้ว่า การกินมังสวิรัติเป็นหนึ่งในวิธีลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เนื่องจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์ทั่วโลกมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 14% หรือเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคคมนาคมขนส่งทั้งภาคเลยทีเดียว
[su_spacer]
[su_spacer]
สินค้าทุกตัวของ Heura จะทำมาจากพืช 100% โดยเฉพาะจากถั่วเหลือง ซึ่งจะมีรสชาติและเนื้อสัมผัสเหมือนกับเนื้อสัตว์จริง ๆ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ เนื้อไก่เทียม เนื้อวัวเทียม และอาหารพร้อมรับประทานซึ่งจะมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ มีคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่มีโปรตีนสูงกว่าไข่ไก่ 2 เท่า มีธาตุเหล็กมากกว่าผักโขมหนึ่งจาน 4 เท่า และมีไฟเบอร์สูงกว่าเต้าหู้ถึง 6 เท่า จึงไม่น่าแปลกใจหากบริษัท Foods for Tomorrow จะก้าวเข้าไปอยู่แถวหน้าของวงการอาหารสเปนหลังก่อตั้งบริษัทได้เพียง 1 ปี โดยในปี 2561 ทางบริษัทก็ได้รับรางวัลชนะเลิศสุดยอดนวัตกรรมอาหาร Culinary Action Startup Prizes จากสถาบัน Basque Culinary Center ซึ่งเป็นสถาบันด้านการปรุงอาหารชื่อนำของโลกอีกด้วย
[su_spacer]
ความน่าสนใจของสินค้า Heura ยังไปเข้าตาของศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม CDTI (Centro para el Desarrollo Tecnológico Industrial) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสเปน ซึ่งเล็งเห็นถึงศักยภาพการแข่งขันของตลาดสินค้าเนื้อ Vegan ในเชิงความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการ NEOTEC (ทุนสนับสนุนการก่อตั้งและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ของสเปน) จำนวน 2.5 แสนยูโรแก่บริษัท Foods for Tomorrow เป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งทางบริษัทก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าทุนดังกล่าวจะช่วยเร่งการพัฒนาและขยายการผลิตสินค้าเนื้อ Vegan 100% ให้เข้าถึงผู้บริโภครักษ์โลกในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งในด้านผลประกอบการพบว่าธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2561 ได้สร้างรายได้ 6 แสนยูโรและในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านยูโรหรือขยายตัว 400% ซึ่งรายได้ครึ่งหนึ่งมาจากร้านอาหารและส่วนที่เหลือมาจากการขายปลีก โดยคาดการณ์กันว่าในปี 2563 รายได้จะทะลุ 12 ล้านยูโร แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการบริโภคอาหารมังสวิรัติที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
[su_spacer]
นอกจากนี้ เทรนด์ Vegan ประเทศในทวีปเอเชียเองก็เติบโตรวดเร็วไม่แพ้ตะวันตก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรม มีทั้งพืชเศรษฐกิจและวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำอาหารมังสวิรัติ จากผลสำรวจของบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลกอย่าง Mintel ก็ได้พบว่าประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชาว Vegan หน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 440% ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปี ตั้งแต่ 2555 – 2559 ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีอัตราการเติบโตของการบริโภคอาหารมังสวิรัติอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ประเทศไทยมีประชากร Vegan สูงถึง 2.3 ล้านคน
[su_spacer]
ด้วยความแรงของกระแส Vegan ที่นับวันจะขยายตัวมากขึ้น และตลาดเนื้อมังสวิรัติหรือเนื้อ Vegan ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดผู้บริโภคที่เป็นมังสวิรัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคอื่น ๆ ที่ใส่ใจต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมด้วย ผู้ประกอบการไทยจึงควรติดตามกระแสความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคมังสวิรัติ เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการใช้วัตถุดิบที่หลากหลายของไทยในการปรุงแต่งอาหาร Vegan และรังสรรค์เมนูซึ่งมีรสชาติแปลกใหม่ให้สามารถทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
[su_spacer]
ที่มาข้อมูล
https://english.elpais.com/elpais/2019/02/07/inenglish/1549556881_820642.html
https://www.marketingoops.com/reports/industry-insight/trend-flexitarian-growth/
https://www.longtunman.com/15715
https://idgthailand.com/2019-vegan/
https://health.mthai.com/howto/health-care/18272.html
https://www.healthline.com/nutrition/vegan-vs-vegetarian#section2
https://www.salika.co/2019/08/03/thailand-world-vegetarian-capital/
https://insider.fitt.co/vegan-vegetarian-market-size/
https://insider.fitt.co/vegan-vegetarian-market-size/
[su_spacer]
โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด