เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2562 หนังสือพิมพ์ The Straits Times รายงานข่าว “Record passenger haul for Changi Airport” ว่าสนามบินชางงีของสิงคโปร์ ติดอันดับสนามบินที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้า-ออกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และคาดว่าในปี 2561 ที่ผ่านมาจะมีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออก ณ สนามบินชางงีมากกว่า 65 ล้านคน (ในปี 2560 มีจํานวน 62.2 ล้านคน) เนื่องจากรายงานของ Changi Airport Group (CAG) แสดงให้เห็นว่าในช่วงเดือน ม.ค.- พ.ย. 2561 สนามบินชางงีได้มีผู้โดยสารไปแล้วกว่า 59.5 ล้านคน [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ในแต่ละวันมีผู้โดยสารหมุนเวียนในสนามบินชางงีถึง 180,000 คน โดยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคาดว่าภายหลังศูนย์การค้า Jewel เปิดตัวในเดือน มี.ค. 2562 จะเป็นอีกปัจจัยให้ผู้โดยสารเลือกที่จะเดินทางมาเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบินชางงี เนื่องจาก Jewel เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับความต้องการของผู้โดยสารหลายสิบล้านคนที่ต้องเดินทางผ่านสนามบินชางงี สร้างโดยความร่วมมือระหว่าง Changi Airport Group และ CapitalLand ภายในอาคารมีโดมบรรยากาศแบบป่าเขตร้อน พร้อมน้ำตกขนาดใหญ่ความสูงถึง 40 เมตร ท่ามกลางร้านค้าชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 280 ร้านค้า ทางเชื่อมต่อกับ Terminal 1 และมีรถไฟเล็กวิ่งเชื่อมกับทั้ง Terminal 2 และ 3 ทางด้านสายการบิน ทั้ง Singapore Airlines และสายการบินอีกหลายสายก็มีแผนที่จะเปิดเที่ยวบินเข้ามายังสิงคโปร์มากยิ่งขึ้นในปี 2562 โดยสายการบินในเครือของ Singapore Airlines ได้แก่ SilkAir และ Scoot คาดว่าจะมีการเติบโตถึง 7% ในปีงบประมาณ 2561 และเมื่อเดือน ต.ค. 2561 สายการบิน Qantus ของออสเตรเลีย ได้ประกาศว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาคเอเชีย โดยสายการบิน Qantus มีเที่ยวบินเข้า-ออก ณ สนามบินชางงีมากกว่า 50 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงสายการบิน Jetstar บริษัทย่อยของสายการบิน Qantus มีเที่ยวบินเข้า-ออก ณ สนามบินชางงีมากกว่า 300 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สู่ปลายทางมากกว่า 25 ปลายทางด้วยกัน ทั้งนี้ ในปี 2562 คาดว่าจะมีเที่ยวบินจากสนามบินชางงีไปยังอินเดียและจีนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ในประเด็นของความท้าทายต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบินในปัจจุบัน นางแองเจลา กิตเทนส์ ผู้อำนวยการของ ACI World กล่าวว่า ยังคงมีความท้าทายในสถานการณ์ของโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการบิน อาทิ (1) ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศตะวันตกเริ่มทวีความตึงเครียด (2) สถานการณ์ Brexit ที่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการเจรจา (3) ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางโดยเฉพาะสถานการณ์ในกาตาร์ และ (4) สถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลกระทบสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของโลกจะสร้างความไม่แน่นอนให้แก่อุตสาหกรรมการบิน แต่สิงคโปร์ก็ยังคงลงทุนในภาคการบินอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีแผนในการพัฒนา Terminal 2 ภายในปี 2562 รวมถึงแผนระยะยาวในการสร้าง Terminal 5 แห่งใหม่ และคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารหมุนเวียนในสนามบินชางงีได้มากกว่า 70 ล้านคนต่อปี ภายหลังการก่อสร้างและพัฒนา Terminal ทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดการภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์