Tesla เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ที่เซี่ยงไฮ้ หลังได้รับอนุญาตให้ลงทุนเองได้ทั้งหมด

           วันที่ 8 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา Tesla ได้จัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์รุ่น 3 ที่เขตหลินกัง ใกล้กับ Shanghai Free Trade Zone โดยคาดว่าจะเป็นการลงทุนจากต่างชาติที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ (สูงกว่าดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้ที่ลงทุนไป 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังผลิต 500,000 คัน/ ปี และน่าจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์รุ่น 3 ได้ภายในสิ้นปี 2562 ในราคาคันละ 300,000 หยวน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีสัญญาณในเรื่องนี้มาก่อนแล้วหลังจากที่ Tesla เคยประกาศลงทุน 100 ล้านหยวนในการตั้งบริษัทลูกที่เขตหลินกังเพื่อเน้นเรื่อง R&D เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 [su_spacer size=”20″]

           โรงงานดังกล่าวนี้จะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์รายแรกในจีนที่มีบริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของทั้งหมด และยังเป็นโรงงานแห่งแรกของ Tesla นอกสหรัฐฯ โดยเป็นผลจากการที่เมื่อเดือนกรกฏาคม 2561 จีนได้ผ่อนปรนข้อจํากัดการร่วมทุนในบางอุตสาหกรรมใน Negative List เช่น ด้านการเกษตร อุตสาหกรรมการผลิต โครงสร้างพื้นฐาน และด้านการเงิน เพื่อส่งเสริมการดำเนินนโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น [su_spacer size=”20″]

           ทั้งนี้ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การที่นาย Musk ได้พบหารือนายกรัฐมนตรีจีนภายหลังการเยือนจีนของนาย Jeffrey Gerrish รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 7-8 มกราคม 2562 เพื่อเจรจาในระดับคณะทำงานเรื่องการค้าจีน-สหรัฐฯ และการที่จีนประกาศให้ Tesla เป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่ลงทุนเองได้ทั้งหมด มีนัยสำคัญต่อความพยายามของจีนในการเปิดกว้างและปฏิรูปทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติในจีน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2537 รัฐบาลจีนกำหนดให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติต้องมีบริษัทของจีนร่วมทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศ อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปี 2561 คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศยกเลิกนโยบายการร่วมทุนของบริษัทจีนสำหรับการลงทุนต่างชาติในการผลิตรถยนต์ NEV โดยขั้นต่อไปจะยกเลิกข้อบังคับนี้สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2565 [su_spacer size=”20″]

           นอกจากนี้ JP Morgan Chase คาดการณ์ว่าจีนจะมีตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สูงที่สุดในโลกที่ร้อยละ 59 ภายในปี 2563 โดยใน 10 เดือนแรกของปี 2561 ตลาดรถยนต์ NEV จีนเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 75.6 และบริษัทรถยนต์ NEV จีนสามารถครองตลาดส่วนใหญ่ได้ โดยบริษัท BYD ของจีนครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด (ประมาณ 120,000 คันในปี 2560) ซึ่งแรงจูงใจหลักที่ทำให้ชาวจีนสนใจซื้อรถยนต์ NEV เพราะได้รับทะเบียนรถง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันซึ่งถูกควบคุมด้วยระบบโควต้าที่เข้มงวดจากนโยบายลดมลพิษ รวมทั้งนโยบายลดการนำเข้าน้ำมันเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของจีน [su_spacer size=”20″]

           อนึ่ง Tesla ได้รับผลกระทบจากที่จีนขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ จากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 40 เมื่อเดือนกรกฏาคม 2561 รวมทั้งต้นทุนการขนส่งทางเรือมากจากสหรัฐฯ ทำให้บริษัทสูญเสียศักยภาพการแข่งขันในตลาดจีน นอกจากนี้ Tesla ยังมีความจำเป็นต้องนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากบริษัทจีนซึ่งเปรียบเหมือน “สมอง” ของรถยนต์รุ่น 3 โดยเคยขอให้ประธานาธิบดีทรัมป์ฯ ยกเว้นการเพิ่มภาษีเป็นร้อยละ 25 ให้แก่บริษัทจีนที่ผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้านำเข้า 279 รายการที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ จึงน่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Tesla ตัดสินใจมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในเซี่ยงไฮ้ [su_spacer size=”20″]

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้