ด้วยภาพลักษณ์เมืองแห่งความทันสมัย สิงคโปร์จึงเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคที่นำตู้สินค้าอัตโนมัติ (vending machine) มาจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะอาหาร น้ำผลไม้ และขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ปัจจุบัน สิงคโปร์ยังคงพัฒนาการขายสินค้าผ่านตู้ขายสินค้า ทั้งต้นกระบองเพชรและทองคำ ทั้งยังใช้ตู้อัตโนมัติเป็นช่องทางการกระจายตัวอย่างของสินค้า โดยตู้อัตโนมัติในปัจจุบันทันสมัยมากขึ้น เช่นมีระบบหน้าจอสัมผัส (touch screen) และการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด (cashless) ที่สะดวกสบาย จึงได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้คนในประเทศ
ตู้อัตโนมัติของสิงคโปร์ขายสินค้าประเภทอะไรบ้าง?
สิงคโปร์มีเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งตามห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ HDB คอนโดมิเนียม รวมไปถึงโรงเรียน โรงพยาบาล และสนามกีฬา สินค้าไม่เพียงจำกัดอยู่แค่เครื่องดื่มร้อนหรือเย็น หรือขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 50% แต่ยังมีตู้ขายอาหารสารพัด ทั้งพิซซ่า สลัด ไปจนถึงเมนูปูในซอสพริก ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์จากภัตตาคาร House of Seafood
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ร้าน Chef-in-Box ได้พัฒนาตู้ขายอาหารกล่องอัตโนมัติ ซึ่งจะอุ่นร้อนอาหารให้รับประทานได้ทันที เช่น ก๋วยเตี๋ยวและข้าวมันไก่ ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของที่นี่ ตู้ขายข้าวกล่องร้อน ๆ นี้ติดตั้งแล้วกว่า 30 แห่งทั่วเกาะสิงคโปร์ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีเครื่องจำหน่ายอาหารแช่แข็ง เช่น ปลาแซลมอนและเนื้อวากิวไว้บริการด้วย
น้ำมะพร้าวของไทยก็เป็นที่นิยมในสิงคโปร์เช่นกัน โดยเครื่องจำหน่ายน้ำมะพร้าวสดทั้งลูกแบบเจาะหลอดพร้อมดื่มของบริษัท CocoThumb เป็นที่ถูกใจของผู้นิยมน้ำมะพร้าว ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ติดตั้งตู้ขายน้ำมะพร้าวแล้วประมาณ 20 เครื่อง สามารถทำยอดขายได้เดือนละกว่า 10,000 ลูก
สินค้าอื่น ๆ ที่ล้ำไปกว่าอาหารละเครื่องดื่มก็เช่นสินค้าจากแบรนด์ Minoso และ Kalms ทั้งต้นกระบองเพชร ของเล่น ตุ๊กตา หนังสือ และเครื่องสำอาง นอกจากการจำหน่ายสินค้าแล้ว ตู้อัตโนมัติยังถูกใช้ในการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้า อาทิ บริษัท Try Leh ได้พัฒนาเครื่องอัตโนมัติสำหรับกดรับตัวอย่างสินค้าฟรี โดยคิดค่าบริการจากเจ้าของสินค้านั้น ๆ ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณผู้อ่านไปเดินตามห้างสรรพสินค้ากลางเมืองหรือตามแหล่งนักท่องเที่ยวก็จะได้พบเครื่องจำหน่ายทอง ที่มีทั้งทองแท่งและเหรียญทองที่ระลึก และล่าสุดบริษัท SmartRX ของสิงคโปร์ ได้ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ผ่านตู้อัตโนมัติด้วย ที่ล้ำหน้าที่สุดในตอนนี้ คงจะเป็นการดัดแปลงอาคารสูง 15 ชั้น มาเป็นแคทตาล็อกรถยนต์หรูแบบแนวตั้งของบริษัท Autobahn Motors ในลักษณะคล้ายเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติที่ลูกค้าสามารถกดเลือกซื้อได้เลยอีกด้วย
วิเคราะห์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจตู้ขายของอัตโนมัติ
จากข้อมูลของบริษัท Euromonitor International ยอดขายจากตู้อัตโนมัติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างมาก โดยยอดขายในสิงคโปร์เติบโต 10% และสร้างกำไรมากขึ้นประมาณ 15% หรือ 104.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2560 ปัจจัยหลักของการเติบโตในสิงคโปร์คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้นกับการคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุนของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
การที่สิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็กและมีประชากรหนาแน่น รวมถึงวิถีชีวิตของคนสิงคโปร์ที่ชอบความสะดวกสบายและมีความเร่งรีบมากขึ้นในปัจจุบัน จึงทำให้จำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มขึ้นและมีความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น อีกทั้งข้อจำกัดต่าง ๆ ในการค้าปลีก ทั้งภาวะค่าแรงและค่าเช่าที่สูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการก้าวสู่สังคมสูงอายุแบบเต็มขั้นของสิงคโปร์ (super-aged society) กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการต้องหาช่องทางการขายแบบใหม่ ๆ ซึ่งตู้อัตโนมัติเป็นช่องทางที่ไม่ต้องจ้างพนักงานขาย ใช้พื้นที่น้อย และดำเนินการง่าย ทั้งยังสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยความสะดวกในการชำระเงินแบบ cashless และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ยิ่งเพิ่มความสะดวกและดึงดูดผู้บริโภคให้มากดใช้งานมากขึ้น ผู้ประกอบการยังสามารถเลือกใช้ระบบบริหารจัดการเครื่องจากผู้ผลิต ทั้งการดูยอดสินค้าคงเหลือและการซื้อขายผ่านเครื่องแบบreal-time รวมถึงการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ผู้บริโภค เช่น การติดกล้องหน้าที่เครื่องอีกด้วย นอกจากนี้ การที่สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยสูงแห่งหนึ่งของโลก ผู้ประกอบการจึงไม่กังวลเรื่องการทำลายหรือการโจรกรรมสินค้าและเงินจากเครื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติกันมากขึ้น
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการไทย
ในประเทศไทย เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้คือเครื่อง “เต่าบิน” ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแบบชงสดได้มากถึง 170 รายการ ในราคาเฉลี่ยที่ถูกกว่าร้านกาแฟทั่วไปครึ่งหนึ่ง ติดตั้งแล้วมากกว่า 6,000 เครื่องทั่วประเทศ และจำหน่ายเครื่องดื่มถึง 200,000 แก้วต่อวัน ซึ่งบริษัทเต่าบินมีแผนจะขยายธุรกิจเต่าบินไปยังต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และมาเลเซียด้วย
อย่างไรก็ดี การลงทุนกับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 1 เครื่องในปีแรกมีค่าใช้จ่ายประมาณ 9,000 – 16,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งรวมถึงค่าตู้จำหน่าย ค่าเช่าที่ ค่าเติมสินค้า (restocking) ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัย และค่าใบอนุญาตจำหน่ายสินค้า (หากมี) เฉพาะตู้จำหน่ายสินค้ามือหนึ่งราคาประมาณ 2,000 – 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเครื่อง หากเป็นเครื่องเช่า ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 400 – 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน
อุตสาหกรรมการค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ การใช้เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติจะยังเติบโตต่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางของรูปแบบการขาย และเป็นสินทรัพย์ที่มีประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมการค้าปลีก เนื่องจากสามารถใช้เพื่อระบุแนวโน้มของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคด้วยเงินลงทุนเพียงไม่มากได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรพิจารณาตลาดและความเหมาะสมของสินค้าที่จะจำหน่าย รวมถึงสถานที่ติดตั้งว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ หากสินค้าตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายให้ผู้บริโภค มีความแปลกใหม่ถูกใจคนรุ่นใหม่ และราคาสมเหตุสมผล เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย (BIC) สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์
ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์