ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจหลายสาขาต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างหนัก และบางกิจการต้องหยุดเพื่อดำเนินการตามมาตรการที่จำเป็นต่อการควบคุมโรค ไม่เว้นแม้แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เอง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัททางด้านอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งต้องเลื่อนแผนการประกาศโปรโมชั่นทางการตลาดและลดราคา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องมองถึงอนาคตหลังสถานการณ์ดังกล่าว และเตรียมความพร้อมเมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาเดินเครื่องอย่างเต็มที่ได้อีกครั้ง
[su_spacer]
[su_spacer]
เวียดนามถือเป็นดาวเด่นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนอกจากจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่มีเสถียรภาพมากที่สุด ของโลกแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมั่นคงอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหากราคาอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ หรืออาคารพาณิชย์ รวมถึงราคาที่ดินจะปรับตัวสูงขึ้นในทุก ๆ ปี เพราะนอกจากจะเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามยังได้รับการส่งเสริมจากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายที่ผ่อนปรนมากขึ้น และผลดีจากข้อตกลงต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงความคลอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (CPTPP) และความตกลงการค้าเสรีสหภาพ ยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่ผ่านมา รวมถึงราคาที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีราคาถูกกว่าหลายประเทศในเอเชียอย่างจีนและสิงคโปร์ จึงทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเวียนเข้ามาในเวียดนามมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม 2563 ยังพบว่าเวียดนามมีบริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่อีก 1,400 แห่ง เพิ่มขึ้นถึง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่าเป็นกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 460 แห่ง เติบโตขึ้น 47% และมีมูลค่าการจดทะเบียนรวมอยู่ที่ 17.5 ล้านล้านเวียดนามด่อง ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเวียดนามขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของธุรกิจที่ต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด รองจากอุตสาหกรรมการผลิต และโครงสร้างพื้นฐาน
[su_spacer]
ในบรรดาเมืองต่าง ๆ ของเวียดนาม นครโฮจิมินห์ถือเป็นแหล่งการลงทุนหลักจากต่างประเทศ เนื่องจากเป็นจุดหมายที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนมากที่สุดในประเทศ มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 8.6 ล้านคนในปี 2562 และในปีเดียวกันนี้เอง นครโฮจิมินห์ก็ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 25% ของมูลค่า FDI ทั้งหมดของเมือง โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ นอกจากนี้ นครโฮจิมินห์ยังมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 8.02% และมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมถึง 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นมหานครทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม เนื่องจากมีการจัดเก็บรายได้มากกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ
[su_spacer]
ยิ่งไปกว่านั้น JLL City Momentum Index 2020 ซึ่งเป็นรายงานจากบริษัทด้านบริการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก ยังได้จัดอันดับให้นครโฮจิมินห์เป็นนครที่มีพลวัตรสูงที่สุดอันดับ 3 จาก 130 มหานครทั่วโลก และเนื่องด้วยพลวัตทางเศรษฐกิจที่สูงนี้เองที่ทําให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ CBRE ระบุว่า ราคาคอนโดมิเนียมหรูในนครโฮจิมินห์พุ่งสูงขึ้น 17% ในปี 2561 มาเฉลี่ยอยู่ที่ 5,518 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร นอกจากนี้ นครโฮจิมินห์ยังเป็นหนึ่งในมหานครที่ตลาดพื้นที่เช่าสำนักงานเติบโตสูงสุดในโลก โดยเฉพาะพื้นที่สํานักงานเกรด A และ B ซึ่งมีราคาสูงขึ้นถึง 29.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางเมตร ตามสถิติเมื่อปี 2562 ทําให้อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal investment return: IRR) สําหรับนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงถึง 20%
[su_spacer]
นอกจากปัจจัยที่ประเทศเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ การให้อิสระกับบริษัทเอกชน กฎหมายที่ผ่อนปรนขึ้น และข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตแล้ว ก็ยังมีปัจจัยการขยายตัวและกำลังซื้อของกลุ่มผู้ซื้อในเวียดนามที่สูงขึ้น โดยรายงานเมื่อปี 2560 ของบริษัทไนท์ แฟรงค์ ระบุว่าจำนวนชาวเวียดนามที่มีสินทรัพย์สุทธิ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป เพิ่มขึ้น 320% ตั้งแต่ปี 2549-2559 ถือว่าเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในโลกและแซงหน้าทั้งอินเดียและจีน ทำให้บรรดานักลงทุนให้ความสนใจและไม่ลังเล ที่จะทุ่มเงินมหาศาลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนี้
[su_spacer]
หากโลกไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จะเป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สูง อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างคาดการณ์ว่า ตลาดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามอาจจะเกิดปรากฏการณ์ดีดกลับ (rebound) ภายหลังภาวะการแพร่ระบาดฯ ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ความต้องการซื้อที่ถูกกดทับไว้และคาดว่าจะมีการแข่งขันทางราคาสูงเมื่อวิกฤตการณ์สิ้นสุดลง จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่มีความพร้อมจะเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีสัญญาณภาวะฟองสบู่ เพราะอุปสงค์ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่อุปทานกลับไม่สอดรับกับอุปสงค์ที่ทะยานขึ้น โดยนักลงทุนที่ให้ความสนใจมากที่สุดในเวลานี้ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน
[su_spacer]
อ้างอิง
- https://e.vnexpress.net/news/business/economy/hcmc-third-most-promising-real-estate-market-in-asia-pacific-report-html
- https://e.vnexpress.net/news/business/industries/two-scenarios-for-hcmc-real-estate-market-in-2020-4047674.html
- https://english.thesaigontimes.vn/73503/land-ownership-for-foreigners-in-vietnam.html
- https://vnexpress.net/kinh-doanh/hang-tram-du-an-bat-dong-san-dong-bang-html
- https://vietnaminsider.vn/real-estate-businesses-ask-government-to-remove-difficulties/
- https://tuoitre.vn/tphcm-lang-nghe-cac-vuong-mac-cua-doanh-nghiep-bds-htm
- https://e.vnexpress.net/news/business/industries/hcmc-hanoi-office-space-among-asia-pacific-s-most-sought-after-html
- https://www.prachachat.net/aseanaec/news-115557
- https://www.reic.or.th/News/RealEstate/439375
[su_spacer]
โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์