เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 กระทรวงการคลังเวียดนาม (MOF) ได้เสนอต่อรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 8 ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2567 สำหรับสินค้าและบริการบางกลุ่มในปัจจุบัน โดยลดการเก็บค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายบางส่วนและลดค่าเช่าที่ดิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภค และกิจกรรมทางธุรกิจหลังจากเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะชะลอตัว โดยก่อนหน้านี้เวียดนามได้ลด VAT ไปแล้ว 3 ครั้ง ได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยสะท้อนผ่านอัตราการเติบโตของ GDP ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มูลค่าการส่งออกและนำเข้า
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามกำลังดำเนินการนโยบายเพื่อคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ด้วยการเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพิ่มแรงผลักดันคุณภาพด้านกฎหมาย พัฒนาคุณภาพสินเชื่อ ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างธนาคารและธุรกิจ ความสามารถในการบริหารจัดการ การระดมและการป้องกันเงินกู้นอกระบบ การกำกับดูแลและการป้องกันความเสี่ยงในระบบการเงินเวียดนาม เพื่อควบคุมอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ร้อยละ 15 ตลอดทั้งปี 2567 นอกจากนี้ MOF จะยังดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามได้กำหนดเป้าหมายในด้านเศรษฐกิจและสังคมในปี 2567 อาทิ การเติบโตของ GDP ที่ประมาณร้อยละ 6.5 และ GDP per capita ที่ 4,700 – 4,730 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สัดส่วนของอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตใน GDP ที่ประมาณร้อยละ 24 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ร้อยละ 4-4.5
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 นาย Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ลงนามในมติเกี่ยวกับการจัดการคาร์บอนเครดิต เพื่อพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต จัดสรรโควตาและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และสร้างทรัพยากรทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green financial resource) สำหรับประเทศ
โดยมีการมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (MONRE) กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) และกระทรวงการคลัง (MOF) มีส่วนร่วมในการจัดตั้งระบบการลงทะเบียนคาร์บอนเครดิตระดับประเทศ จัดโครงการและกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงผลิตคาร์บอนเครดิตสำหรับการนำร่องสู่ตลาดคาร์บอน อีกทั้งจัดทำร่างมติฉบับใหม่เกี่ยวกับการออกหนังสืออนุมัติสำหรับซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ สร้างฐานข้อมูลและประเมินศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนถึงปี 2573 และจัดโครงการเพื่อพัฒนาตลาดภายในประเทศ
ปัจจุบันเวียดนามมีพื้นที่ป่าไม้ 14.79 ล้านเฮกตาร์ หรือร้อยละ 42 ของพื้นที่ทั้งหมด และสามารถผลิตคาร์บอนเครดิตได้ประมาณ 40 ล้านเครดิต คิดเป็น 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี ทั้งนี้ เวียดนามตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 15.8 หรือเทียบเท่ากับคาร์บอน 146 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43.5 และ 403 ล้านตันหากได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593
ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย