ดูไบได้จัดงาน Gulfood 2020 ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 16 – 20 กุมภาพันธ์ 2563 โดย Sheikh Hamdan รองเจ้าผู้ครองรัฐดูไบและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเปิดงาน ซึ่งเป็นงานนิทรรศการสินค้าอาหารและบริษัทผู้ส่งออกอาหารของ ทั่วโลกมาออกร้านและพบกับผู้นําเข้าของดูไบยูเออี และประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลางและ MENA และเป็นนิทรรศการสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง มีบริษัทเข้าร่วมกว่า 5,000 บริษัท โดยในปีนี้มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหาร/เครื่องดื่มไทยเข้าร่วม 127 รายและกงสุลใหญ่ได้ไปเยี่ยมให้กําลังใจกับผู้ประกอบการไทย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งในการจัดงานดังกล่าวผู้จัดได้ให้ความมั่นใจว่า อาหารที่บริโภคในยูเออีและ GCC ปลอดจากโรคไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 โดยบริษัทผู้นําเข้าส่วนใหญ่นําสินค้าจากยุโรป สหรัฐอเมริกา บราซิล และเอเชียใต้มากกว่านําเข้าจากจีน และบริษัทผู้นําเข้าอาหารและบริษัทในภูมิภาคนี้มีมาตรฐานและมั่นใจได้ในคุณภาพจากบริษัทระหว่างประเทศที่ค้าขายกันมานาน ซึ่ง Dr. Ahmed Eitigani CEO ของบริษัท AI Rawabi Dairy Co. กล่าวว่าบริษัทตนไม่ได้นําเข้าสินค้าใดจากจีนและธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) โดยทั่วไปของยูเออีจะนําเข้าจากอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี เดนมาร์ก สวีเดน เพราะยูเออีมีกําลังซื้อสูงและมองหาสินค้าคุณภาพ ซึ่งบริษัทในภาคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ นําเข้าอาหารจากแหล่งที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือ และผู้บริโภคยูเออีมีความฉลาดและมีการศึกษามากขึ้น นอกจากดูวันหมดอายุสินค้าแล้ว ยังดูส่วนผสมของสินค้าว่ามีคุณภาพเช่นใดด้วย ขณะที่บริษัทในกลุ่ม Sahar Enterprises และบริษัทในกลุ่ม Alkabeer ก็กล่าวว่าบริษัทตนนําเข้าสินค้าอาหารจากบราซิลและเป็นอาหารฮาลาลแท้และมีมาตรฐานสูง สําหรับ นาย Kamal Vachani บริษัท AI Maya Group ระบุว่าธุรกิจอาหารในยูเออีมิได้ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์อาหารจากจีน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปอาหารมาจากอินเดียมาก กระเทียมและขิงที่เคยนําเข้าจากจีนก็เปลี่ยนมาเป็นนําเข้าจาก อินเดียแทน สําหรับคอร์นเฟลค ก็นําเข้าจาก สอ. และยุโรป ผักต่างๆ บางส่วนนําเข้าจากจอร์แดน อาการกระป๋อง ผลิตหลายส่วนในรัฐชาร์จาห์ของยูเออี และว่าในยูเออีมีแต่ผลิตภัณฑ์และอาหารที่ปลอดภัยไม่มีนําเข้าจากจีนแล้ว และพวกซอสต่าง ๆ บางส่วนที่เคยนําเข้าจากจีน ก็ถูกนําเข้าจากประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้แทน
[su_spacer]
ส่วนนาย Krishna Dhanal บ. Alpen Capital กล่าวว่า ไวรัสโคโรนา ซึ่งจีนอยู่ในซัพพลายเชนของโลกก็ กระทบกับทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ยูเออีและ GCC ซึ่งได้รับผลกระทบบางส่วนด้วยเช่นกันเหมือนกับธุรกิจทั่วโลก และว่าในส่วนของอาหารที่นําเข้าใน GCC มากเช่นกัน ราคาสินค้าก็จะเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ราคาตกลงในช่วงปี 2016 และ 2017 Alpen Capital ประมาณว่า GCC จะนําเข้าสินค้าอาหาร 60 ล้านตันในปี 2023 และ 85% ของสินค้าอาหาร GCC จะนําเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด เพราะตะวันออกกลางพื้นดินเป็นทรายและแห้งแล้ง ไม่มีน้ําเพียงพอจะ ผลิตอาหาร สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มใน GCC มีความต้องการสูงมากและจะถึงระดับ 60.7 ล้านตันในปี 2023 โดยมีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นใน GCC ปีละ 3.3% ภายในปี 2023 และ 85% ของอาหารที่บริโภค ใน GCC เป็นสินค้านําเข้าทั้งหมด สําหรับการบริโภคต่อหัวในภาคอาหารของ GCC กาตาร์นํามาเป็นอันดับ 1 โดยการใช้จ่ายถึง 115,979 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว ยูเออีอันดับ 2 61,673 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว คูเวตอันดับ 3 59,556 ดอลลาร์ต่อหัว GCC โดยรวม 55,137 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว ซาอุดิอาระเบีย 49,728 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัว และขณะนี้บริษัทนําเข้าต่าง ๆ จะเน้น สินค้าเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะยูเออี สินค้าเพื่อสุขภาพกําลังมาแรง เป็นต้น
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ