กรมศุลกากรไนจีเรีย (Nigeria Customs Service – NCS) ประกาศใช้มาตรการยกเว้นอากรศุลกากร สําหรับการนําเข้าอาหารจําเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ข้าวฟ่างเมล็ด ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่ว ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2567 เพื่อให้สินค้าอาหารจําเป็นภายในประเทศมีราคาถูกลง และเพื่ออำนวยการนำเข้าสินค้าข้างต้น โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นของไนจีเรีย
โดยกรมศุลกากรระบุว่า นาย Bola Ahmed Tinubu ประธานาธิบดีไนจีเรียได้อนุมัติกฎระเบียบสําหรับการนําอัตราภาษีศูนย์เปอร์เซ็นต์และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อมาใช้กับการนําเข้าอาหารจําเป็น ซึ่งรัฐบาลเห็นว่ามีความจําเป็นที่จะต้องนําเข้าจากต่างประเทศ เพื่อทําให้ราคาสินค้าอาหารบางรายการที่อยู่ในประกาศมีราคาถูกลง
ข้อกําหนดคุณสมบัติสําหรับนโยบายภาษีนําเข้าเป็นศูนย์
- สําหรับบริษัทที่ต้องการเข้าร่วมนโยบายภาษีนําเข้าเป็นศูนย์สําหรับสินค้าอาหารจําเป็นข้างต้น จะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในไนจีเรียและดําเนินธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจําปี และงบการเงินอย่างสม่ําเสมอ รวมทั้งต้องชําระภาษีอย่างถูกต้องและมีภาระผูกพันด้านภาษีหักจากค่าจ้างเงินเดือนตามกฎหมาย
กรอบการดําเนินการ
- กระทรวงการคลังจะจัดส่งรายชื่อผู้นําเข้าที่ได้รับอนุมัติและโควตาให้กับกรมศุลกากรไนจีเรียเป็นระยะ เพื่อให้การนําเข้าสินค้าอาหารจําเป็นเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นภายใต้กรอบนโยบายดังกล่าว
- กําหนดให้สินค้าที่นําเข้าอย่างน้อยร้อยละ 75 ต้องจําหน่ายผ่านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ โดยต้องมีการบันทึกธุรกรรมและการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียด โดยบริษัทต่างๆ จะต้องบันทึกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ครบถ้วน โดยรัฐบาลจะคอยตรวจสอบเป็นระยะ ๆ และหากพบว่าไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้หลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดและต้องชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียมและอากรนําเข้าที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะนํามาใช้เพียงชั่วคราวเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารที่สูงถึงร้อยละ 40.87 ในเดือนมิถุนายน 2567 และร้อยละ 39.53 ในเดือนกรกฎาคม 2567 อย่างไรก็ดี มาตรการยกเว้นอากรสําหรับการนําเข้าอาหารดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อนโยบายระยะยาว ที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือเกษตรกรภายในประเทศให้สามารถนําผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรออกมาจําหน่ายในท้องตลาดได้มากขึ้น โดยรัฐบาลยังคงให้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากการขาดแคลนปัจจัยการผลิตที่สําคัญ ได้แก่ ต้นกล้า ปุ๋ย เป็นต้น
อนึ่ง กรมศุลกากรไนจีเรียเปิดเผยว่า รัฐบาลไนจีเรียอาจขาดรายได้จํานวน 188,000 ล้านไนรา (N188 B) ในช่วงหกเดือนหลังของปี 2567 (ก.ค. – ธ.ค. 2567) เนื่องจากการยกเว้นภาษีนําเข้าอาหารหลักดังกล่าว ทั้งนี้ ไนจีเรียใช้เงินสูงถึง 3.82 ล้านล้านไนรา (N3.82 T) ในการนําเข้าข้าวสาลี ถั่ว ข้าว และข้าวโพดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2563 – 2566)
ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา
เรียบเรียง : ศุนย์ธุรกิจสัมพันธ์