ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมของเกาหลีใต้ได้ริเริ่มโครงการเคลื่อนย้ายทางอากาศในเมือง (the Korea Urban Air Mobility: K-UAM) เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดและมลภาวะทางอากาศ รวมถึงเป็นทางเลือกในการสัญจรและขนส่งสินค้าของคนเกาหลีใต้ในอนาคต โดยอากาศยาน UAM เป็นอากาศยานขนาดเล็ก ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้า (ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์) มีเสียงรบกวนต่ำ สัญจรในระดับความสูง-ต่ำ (แนวดิ่ง) และคาดว่าจะสามารถเดินทางในระยะ 50 กิโลเมตร โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
โดยแผนการดําเนินโครงการ UAM แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ (1) ปี 2563-2567 ปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรฐาน ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทดสอบระบบ (2) ปี 2568-2572 เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในบางพื้นที่ในเขตเมือง (3) ปี 2573-2578 ขยายพื้นที่การให้บริการ และ (4) ปี 2578 ให้บริการการเคลื่อนย้ายทางอากาศสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ การทดสอบระบบ UAM จะดำเนินการภายใต้ชื่อโครงการ Grand Challenge (GC) โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ช่วง โดยการทดสอบ Grand Challenge 1 (GC1) ซึ่งจะดําเนินการทดสอบสมรรถนะของอากาศยานและระบบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความปลอดภัยในพื้นที่ทดสอบแบบเปิดที่เมืองโคฮึง จังหวัดชอลลานัม หลังจากนั้น จะทดสอบระบบ Grand Challenge 2 (GC2) ซึ่งเป็นการทดสอบในเขตชานเมืองและใจกลางเมืองกรุงโซล และจังหวัดคยองกีต่อไป
สถานะการดําเนินโครงการ
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เริ่มทดสอบระบบ Grand Challenge 1 (GC1) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และมีกิจการค้าร่วมของเกาหลีใต้ จํานวน 6 กลุ่ม ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ (1) กลุ่มบริษัท Korean Air และการท่าอากาศยานอินชอน (2) กลุ่ม UAMitra ประกอบด้วย Hyundai Motor Group, Hyundai E&C และ KT (3) กลุ่ม K-UAM Dream ประกอบด้วย SK Telecom, Hanwha Systems และ Korea Airport Corporation (4) กลุ่ม UAM Future Team ประกอบด้วย Kakao Mobility, LG U+ และ GS E&C (5) กลุ่ม Lotte Consortium ประกอบด้วย Mint Air Lotte Information & Communication และ Lotte Rental และ (6) กลุ่ม Daewu E&C และ Jeju Air ทั้งนี้ กิจการค้าร่วมทั้ง 6 กลุ่ม ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบภายในกลุ่มตามความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัท อาทิ การบริหารจัดการในภาพรวม การดูแลระบบจราจร ตลอดจนการก่อสร้างและบริหารจัดการสถานีสําหรับการขึ้น-ลงของ UAM (Vertiport)
ทั้งนี้ รัฐสภาเกาหลีใต้ได้ผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ UAM (พระราชบัญญัติพิเศษ UAM) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 และประกาศใช้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 (โดยมีผลใช้บังคับ 5 เดือนหลังจากการประกาศ) โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวจะอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดําเนินการสาธิตและดําเนินธุรกิจ UAM โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายการบิน 4 ฉบับในปัจจุบัน ได้แก่ (1) พ.ร.บ. ความปลอดภัยทางการบิน (2) พ.ร.บ. ความมั่นคงทางการบิน (3) พ.ร.บ. ว่าด้วยการประกอบธุรกิจการบิน และ (4) พ.ร.บ. ว่าด้วยการอํานวยความสะดวกที่ท่าอากาศยาน อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในส่วนอื่น ๆ อาทิ การคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือการกําหนดมาตรฐานการว่าจ้างงานผู้ควบคุมการบิน UAM
เครดิตรูปภาพ :
https://www.businesskorea.co.kr/news/articleView.html?idxno=223675
ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนเกาหลีใต้กับต่างประเทศ
โครงการ UAM ของเกาหลีใต้มีความร่วมมือกับต่างประเทศ ได้แก่ (1) บริษัท Hyundai Motor Group ได้ลงทุนร่วมกับบริษัทของสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ Supernal ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อผลิตอากาศยาน UAM แต่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจและให้บริการ UAM ที่เมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะเริ่มทําการทดสอบที่อินโดนีเซียภายในปีนี้ และ (2) บริษัท Hanwha Systems ได้ลงทุนในบริษัท Overair ของสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาระบบขับเคลื่อนอากาศยาน UAM อย่างไรก็ดี ระบบดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการขอรับใบอนุญาตจาก U.S. Federal Aviation Administration (FAA)
สำหรับประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล จะดำเนินการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-เกาหลีใต้ในเรื่องนี้ อาทิ ในมิติด้านการลงทุน ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทย โดยสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกําลังทําการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ในปัจจุบันด้วยแล้ว
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
อ้างอิงรูปภาพ :
(1) https://www.businesskorea.co.kr/news/articleView.html?idxno=223675
(2) https://www.hankyung.com/article/202111113105i