แนวโน้มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจในภาคตะวันออกของอินเดีย
1. เนื้อสัตว์บรรจุหีบห่อ (packaged meat) ที่ถูกสุขอนามัยและมีคุณภาพสูงจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นกับอาหารที่ถูกสุขลักษณะและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ประกอบกับโภชนาการของคนอินเดีย มักมีแนวโน้มขาดแคลนโปรตีน โดยรายงานจาก Godrej Food Trends Report 2022 คาดการณ์ว่า สินค้าเนื้อไก่ เนื้อวัว และอาหารทะเลบรรจุหีบห่อที่สะอาด มีแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ ไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม และมีการส่งตรงจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค (direct-to-consumer delivery) จะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
2. ขนมขบเคี้ยวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงจะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นผลให้สินค้าขนมขบเคี้ยวที่มีจุดขายเพิ่มเติม เช่น มีโปรตีนสูง มีธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง น้ำตาลน้อยหรือปราศจากน้ำตาล หรือปราศจากกลูเต็น/เนื้อสัตว์ จะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
3. สินค้าอาหาร vegan และ plant-based จะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความตระหนักเกี่ยวกับสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการผลิตเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น ภาคอุตสาหกรรมอาหารจึงหันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ vegan และ plant-based ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายทั้งกลุ่ม pure vegan กลุ่มมังสวิรัติ และกลุ่มลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยอาจใช้ประโยชน์จากสัดส่วนของผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติที่มีจำนวนแตกต่างกันในแต่ละรัฐของอินเดียประกอบการพิจารณาทำการตลาดในประเทศอินเดียได้อีกด้วย
4. สินค้าอาหารที่อิงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะความสนใจและภาคภูมิใจในศาสตร์อายุรเวท ซึ่งมีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์และคติความเชื่ออาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรค เช่น ดอกมะรุ และสมุนไพรดั้งเดิมต่าง ๆ รวมทั้งผู้บริโภคให้ความสนใจกับสินค้าที่มีการรับรอง Geographical Indication (GI) มากขึ้น
5. อาหารเกาหลีได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของสื่อบันเทิงทั้งดนตรี K-pop ละคร รายการโทรทัศน์และภาพยนตร์เกาหลีที่ได้รับความนิยมบน streaming platform ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Netflix โดยการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่างพบว่า อาหารที่ผู้บริโภคแสดงความสนใจมากที่สุด 5 อันดับในอินเดีย ประกอบด้วย 1.) อาหารเกาหลี คิดเป็นร้อยละ 50 2.) อาหารชนเผ่าต่าง ๆ ของอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 50 3.) อาหารภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 48.4 4.) อาหารญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 48.4 และ 5.) อาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นร้อยละ 29.7
ตัวอย่างสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
1. เนื้อไก่ ในสมัยก่อน การบริโภคเนื้อสัตว์ในอินเดียมักกระจุกตัวในพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากการปกครองของอาณาจักร Mughal ซึ่งเป็นมุสลิม เนื่องจากตามหลักความเชื่อฮินดูมองว่า เนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ และไก่เป็นสัตว์ที่กินของไม่สะอาด (scavenging) ชนวรรณะสูงจึงมักมีข้อห้ามการบริโภคเนื้อไก่ อย่างไรก็ดี เนื้อไก่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในทศวรรษ 1960 – 1970 ซึ่งรัฐบาลอินเดียส่งเสริมการบริโภคเนื้อไก่ซึ่งเป็นโปรตีนราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ ประกอบกับเนื้อไก่มีกลิ่นเฉพาะตัวน้อย จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนอินเดียที่มีทัศนคติผ่อนคลายลงเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ และเหมาะกับการประกอบอาหารหลากหลายประเภท ในขณะที่เนื้อหมูและเนื้อวัวยังมีข้อจำกัดทางศาสนาทั้งอิสลามและฮินดู
2. กาแฟคุณภาพสูง คนอินเดียได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมการดื่มกาแฟจากประเทศตะวันตก โดยในห้วงปี 2012 – 2015 เริ่มมีกระแสความนิยมเมล็ดกาแฟที่แปลกใหม่ (speciality coffee) โรงคั่วกาแฟแบบ craft และการชง
กาแฟด้วยตนเองที่บ้าน (home brewing) และการชงสกัดเย็น (cold brew) อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการสำรวจความเห็นของรายงาน Godrej Food Trends Report 2022 แสดงความสนใจกับเมล็ดกาแฟที่ผลิตในอินเดียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 72.3
3. เครื่องดื่มหมัก (fermented drink) เช่น Kombucha เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจกับประโยชน์ของจุลินทรีย์โปรไบโอติกต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่างแสดงความสนใจกับเครื่องดื่มหมักที่จำหน่ายตามท้องตลาดมากถึงร้อยละ 64.6 และที่ทำเองได้ที่บ้าน (homemade fermented) มากถึงร้อยละ 47.5 นอกจากนี้ เครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมสุขภาพได้รับความสนใจร้อยละ 38.5
4. น้ำมันพืชใหม่ ที่มีสรรพคุณทางสุขภาพ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันปาล์ม และน้ำมันเมล็ดกัญชง
เมื่อพิจารณาจากข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ของรัฐภาคตะวันออกของอินเดีย ซึ่งเชื่อมต่อกับอ่าวเบงกอล รวมไปถึงสัดส่วนประชากรที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นที่ชื่นชอบของประชากรในภูมิภาค ในการขยายการส่งออกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากไทย เพื่อต่อยอดความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย เช่น บริษัทไทยอาจพิจารณาหาความร่วมมือกับนักธุรกิจชาวอินเดียเพื่อส่งออกสินค้าสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณรักษาโรค เพื่อผลักดันการเติบโตร่วมกันในอนาคตต่อไป