รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV (Electric Vehicle) กลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่น่าจับตาด้วยแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์และอุปทานในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ สวนทางกับตลาดรถยนต์สันดาป (รถยนต์เบนซิน/ดีเซล) ที่มียอดขายลดลง จากรายงานศึกษาวิจัยพัฒนาพลังการผลิตคุณภาพใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จีน ซึ่งจัดทำขึ้นโดย China Economic Information Service หรือ CEIS ในสังกัดสำนักข่าวซินหัวร่วมกับ China Automotive Research Institude หรือ CAERI ชี้ว่า ในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเสาหลักเศรษฐกิจอันดับ 1 ของจีน ห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) แนวโน้มตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในจีน ชี้ให้เห็นว่า การที่ผู้ใช้งานหันมาใช้รถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้น อาจเป็นเพราะความประหยัดคุ้มค่า (ต้นทุนด้านเชื้อเพลิง) เป็นสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะการชาร์จไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าการเติมน้ำมัน อีกทั้ง ยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐ ทั้งการอุดหนุนการซื้อขายรถยนต์ EV และการเพิ่มจุดชาร์จรถไฟฟ้า ทำให้ตลาดรถ EV ในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการทำตลาดต่างประเทศด้วย
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งชาติจีน (China Association of Automobile Manufacturers หรือ CAAM) สะท้อนให้เห็นทิศทางการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก (New Energy Vehicle) ในจีน ระบุว่า ปี 2567 ประเทศ จีนมียอดผลิตรถรวม 31.28 ล้านคัน และมียอดขายรถยนต์รวม 31.43 ล้านคัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยจำนวนข้างต้น เป็นยอดการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือก 12.88 ล้านคัน และยอดขายรถยนต์พลังงานทางเลือก 12.86 ล้านคัน สร้างสถิติยอดขายทะลุ 10 ล้านคันเป็นครั้งแรก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.9 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ในบรรดารถยนต์พลังงานทางเลือก พบว่า รถยนต์ EV ครองสัดส่วนสูงสุดที่ร้อยละ 60 และรถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินมีสัดส่วนร้อยละ 40 อีกทั้งเมืองหลิ่วโจวของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง อยู่บนพื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่งกับการเป็น 1 ใน 5 ฐานการผลิตรถยนต์สันดาปที่สำคัญของจีน อีกทั้งเมืองหลิ่วโจวกำลังเปลี่ยนผ่านโครงสร้างอุตสาหกรรมจากรถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ EV โดยมีค่ายรถยนต์รายใหญ่อย่างบริษัท SGMW (SAIC-Wuling Automobile) เป็นตัวหลัก
โดยก้าวใหม่ของ SGMW ในอุตสาหกรรมยานยนต์จีน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 หลังจากที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Wuling Xingguang S เคลื่อนตัวออกจากสายการผลิตทำให้บริษัท SGMW ที่เป็นค่ายรถยนต์แบรนด์จีนรายล่าสุดที่สามารถทำยอดผลิตและจำหน่ายรถยนต์สะสมทะลุ 30 ล้านคัน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากตลาดต่างประเทศด้วย โดยบริษัท SGMW เป็นค่ายรถยนต์จีนรายแรกที่ก้าวออกไปตั้งโรงงานแบบครบวงจรทั้งห่วงโซ่การผลิตในต่างประเทศ ที่เกาะชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่าเงินลงทุนราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลบริษัท SGMW ทำยอดขายรถยนต์ EV สะสมทะลุ 2.4 ล้านคัน ซึ่งมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉพาะปี 2567 บริษัทฯ เปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือก 10 รุ่น ได้มีการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกได้ราว 8 แสนคัน และทำยอดขายได้มากกว่า 8 แสนคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 โดยมีการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ไปต่างประเทศรวมกว่า 2.25 แสนคัน/ชุด โดยความก้าวหน้าของบริษัท SGMW มีรากฐานสำคัญมาจากการสร้างสรรค์ นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ ผ่านโมเดลความร่วมมือเชิงบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ภาคการวิจัย และภาคการประยุกต์ใช้จริง อีกทั้งทางบริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ ในการจัดตั้ง ศูนย์วิจัยพัฒนาและทดสอบรับรองมาตรฐานยานยนต์ ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ โดยศูนย์ดังกล่าวใช้เพื่อทดสอบคุณภาพยานยนต์ อาทิ การชนกระแทก ระดับเสียง ความสั่นสะเทือนและความกระด้าง ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ การปล่อยมลพิษของรถยนต์ และการจัดตั้งห้องปฏิบัติการทดสอบระบบการขับขี่แบบอัตโนมัติ การเชื่อมต่อ การปรับให้เป็นระบบไฟฟ้า และการแบ่งปันกันใช้งาน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ACES (Autonomous, Connected, Electric, and Shared) ที่ได้มาตรฐานระดับสากลโดยเทคโนโลยี โดย ACES จะเป็นเทคโนโลยีแกนที่เข้ามาเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ EV นอกจากนี้ ยังมี ห้องปฏิบัติการยานยนต์พลังงานทางเลือกกว่างซี (Guangxi Laboratory of New Energy Automobile) ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์วิจัยพัฒนาและทดสอบรับรองมาตรฐานยานยนต์ จัดตั้งขึ้นเพื่อคิดค้นและสร้าางสรรค์เทคโนโลยีใหม่ (Breakthrough technology) ในการพัฒนาของรถยนต์พลังงานทางเลือก ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการย่อยที่จัดตั้งแล้ว 24 สาขา อาทิ (1) ห้องปฏิบัติการวัสดุโลหะขึ้นรูป (2) ห้องปฏิบัติการใช้อุปกรณ์ควบคุมและชิป (3) ห้องปฏิบัติการระบบเสียงอัจฉริยะ และ (4) ห้องปฏิบัติการแบตเตอรี่ขับเคลื่อนและวัสดุหลัก (Key Material) ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงาน/องค์กรภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมแล้วมากกว่า 50 แห่ง ดำเนินโครงสร้างสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกว่างซี 47 รายการ งานที่ได้รับความคุ้มครองทางสิทธิบัตร 682 รายการ งานที่ได้รับรางวัลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับมณฑลขึ้นไป 13 รายการ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเดือนพฤศจิกายน 2567 เมืองหลิ่วโจว เป็นเมืองที่มีอัตราการเข้าถึง (Penetration Rate) รถยนต์พลังงานทางเลือกมากที่สุดในประเทศจีนที่ร้อยละ 72 ซึ่งหมายความว่า ยอดขายรถยนต์ทุก 100 คัน จะเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือก 72 คัน นอกจากนี้ ยังมีเมืองเป๋ยไห่ และเมืองยวี่หลิน ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศจีน ทั้งนี้ ข้อมูลเดือนพฤศจิกายน 2567 เขตฯ กว่างซีจ้วงมี Penetration Rate อยู่ที่ร้อยละ 61.5 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน และสูงเป็นอันดับ 1 ใน 12 มณฑลทางภาคตะวันตก รองจากมณฑลไห่หนานและนครเทียนจิน อีกทั้งทิศทางการพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยด้วย จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องของไทยจะได้แสวงหาความร่วมมือกับเขตฯ กว่างซีจ้วง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือก และภาคอาชีวศึกษา อาทิ การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์พลังงานทางเลือก ชิ้นส่วนยานยนต์ และเทคโนโลยีแกน (แบตเตอรี่ ระบบควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า) การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจเพื่อต่อยอดไปสู่การค้าการลงทุนระหว่างไทยกับกว่างซี ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายต่อไปในอนาคต
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
