ในปี 2568 สิงคโปร์จะมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ Singgapore Tourism Board (STB) ยังให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการขยายและการกระจายกลุ่มเป้าหมายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดนึงมากเกินไป หรือการกระจายตลาด (diversify market portfolio) เพื่อสร้างสมดุลและความยั่งยืนในอุตสาหกรรม โดยเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ที่สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลายและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศสิงคโปร์ และภายในปี 2568 Singgapore Tourism Board (STB) คาดการณ์ว่ารายได้จากภาคการท่องเที่ยวของสิงคโปร์มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจำนวน 17 – 18.5 ล้านคน ซึ่งอาจมีรายได้สูงถึง 29 – 30.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นมูลค่าสูงกว่าผลประกอบการในปี 2567
โดยสิงคโปร์มีแผนเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ อาทิ Minion Land ที่ Universal Studios Singapore คาดว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างชาติ และการล่องเรือ Disney Cruise Line ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง อีกทั้ง Singgapore Tourism Board (STB) ยังร่วมมือกับ Mandai Wildlife Group เตรียมตัวเปิด Rainforest Wild Asia ที่ Mandai Wildlife Reserve ที่มุ่งเน้นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืนและการอนุรักษ์ธรรมชาติ
อีกทั้งสิงคโปร์ยังตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะการเป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศ ซึ่งสนามบินชางงึได้ให้บริการสายการบินมากกว่า 100 สายการบิน และมีเที่ยวบินกว่า 7,400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ที่เชื่อมต่อกับ 49 ประเทศในทั่วโลก สนามบินชางงึยังเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติมไปยังเมืองต่างๆ ได้แก่ ชัยปุระและลัคเนา (อินเดีย) ต้าเหลียน (จีน) รวมถึงเส้นทางระยะไกลสู่ยุโรป เช่น วอร์ซอ (โปแลนด์) มาดริด (สเปน) เจนีวา (สวิตเซอร์แลนด์) และสตอกโฮล์ม (สวีเดน) และเพิ่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์ได้ลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารทั้ง 4 แห่ง และยังมีแผนขยายเส้นทางบินให้ครอบคลุมกว่า 200 เมืองภายในปี 2573 ในระยะยาว โครงการ Terminal 5 ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ในช่วง 2577-2579 เพิ่มขีดความสามารถในการรับรองผู้โดยสารจาก 90 ล้านคนเป็น 140 ล้านต่อปี
ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์ เพราะนอกจากจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการจ้างงานโดยตรงแล้ว ยังสนับสนุนอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่งและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ สิงคโปร์มุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์ท่องเที่ยวคุณภาพและยกระดับการบริการเพื่อกระตุ้นค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การสนับสนุนความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์และมาตราการของรัฐบาลที่วางแผนระยะยาว การทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและบุคลากร ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเตบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงานที่ยั่งยืน
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์