จากการสำรวจธุรกิจขนาดเล็กโดยบริษัท IOU Financial พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กกว่าร้อยละ 75 คาดว่าการประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นในปีนี้ โดยร้อยละ 42 คาดการณ์ว่าการทำงานจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้ว่ายังคงมีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจำนวนร้อยละ 82 แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงและต้นทุนสินค้า อย่างไรก็ดี บริษัทขนาดกลางกำลังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น จากการสำรวจ Business Leaders Outlook ประจำปี 2568 ของ JPMorgan Chase ในบรรดาผู้บริหารระดับสูง 1,641 คน ที่ได้รับการสำรวจนั้น ร้อยละ 71 กล่าวว่าพวกเขาไม่คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจาก ร้อยละ 40 ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว
Ginger Chambles หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ JPMorgan Chase Commercial Banking ตั้งข้อสังเกตว่า “ธุรกิจต่าง ๆ กำลังเข้าสู่ปี 2568 ด้วยแนวโน้มในเชิงบวก หลังจากผ่านช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเกินคาด” ความเชื่อมั่นนี้สะท้อนให้เห็นจากผลการสำรวจ โดยร้อยละ 75 ของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางแสดงความคิดเห็นในแง่ดีเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทของตน นอกจากนี้ ร้อยละ 51 วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานให้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก มีเพียงร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่แสดงออกในแง่ดี ซึ่งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการซื้อขายทั่วโลกน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแนวโน้มที่ซบเซา
ทั้งนี้ แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้างในปี 2568 แต่โดยรวมแล้ว ตลาดของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางดูเหมือนจะมีความยืดหยุ่นและความพร้อมในการลงทุน และยังรวมไปถึงมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกด้วย โดยผู้ประกอบธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ก็พร้อมที่จะปรับตัวและเติบโตขึ้น
แนวโน้มการประกอบธุรกิจขนาดเล็กภายใต้รัฐบาลทรัมป์
การลงนามในคำสั่งผู้บริหาร หรือ Executive Orders จำนวนมากโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงแรกภายหลังการเข้ารับตำแหน่งถือเป็นสัญญาณและการดำเนินการเชิงบวกสำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจ และนักลงทุน โดย Karen Kerrigan ประธานและ CEO ของสภาธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการ (The Small Business and Entrepreneurship Council หรือ SBE Council) กล่าวว่า การดำเนินการตามคำสั่งของ Executive Orders เหล่านี้ จะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในทันที อีกทั้ง ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการระงับ ทบทวน และตรวจสอบกฎระเบียบต่าง ๆ รวมไปถึงการเอาชนะวิกฤตค่าครองชีพ การจัดการให้มีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่ราคาไม่แพงและเชื่อถือได้ภายในประเทศ การทบทวนข้อตกลงทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ตลอดจนการถอนตัวจาก global tax deal ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (The Organization for Economic Cooperation and Development หรือ OECD) จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งจะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มว่าจะต้องเผชิญภายใต้รัฐบาลทรัมป์
- ภาษีศุลกากรและการค้า – โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามใน Executive Orders 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการค้าในระยะสั้น ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนของสินค้า เช่น อาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุโครงสร้าง ธุรกิจขนาดเล็กจะต้องรับภาระที่จะเพิ่มขึ้นเหล่านี้หรือส่งต่อต้นทุนไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ในระยะยาวนโยบายเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในสหรัฐฯ โดยการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในฝั่งที่ผลิตในสหรัฐฯ และบริษัทอื่น ๆ ที่ทำสัญญารับช่วงกับธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น
- การแบน TikTok – ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่นอนเกี่ยวกับการปิดตัวของ TikTok ในสหรัฐฯ เนื่องจาก TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้แพลตฟอร์มเป็นที่นิยมสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจเพียงคนเดียว ครีเอทีฟ และร้านค้าต่าง ๆ ในการขายผลิตภัณฑ์และประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตน ยิ่งไปกว่านั้น TikTok ยังเป็นกระบอกเสียงที่แท้จริงสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่อาจละเลยผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งในสหรัฐฯ มีจำนวนมากถึง 170 ล้านรายได้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้เวลา 75 วัน ในการดำเนินการตามข้อมติที่มุ่งปกป้องความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกันก็กำหนดแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ สภาคองเกรสกำลังมอบหมายให้บริษัทแม่ ByteDance ขาย TikTok ให้กับบริษัทที่มีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีผู้ซื้อจนถึงปัจจุบันนี้
- การตรวจคนเข้าเมืองและประเด็นปัญหาชายแดนของสหรัฐฯ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามใน Executive Orders 6 ฉบับที่เกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมืองและประเด็นปัญหาชายแดนของสหรัฐฯ โดยมี 4 ฉบับ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การบังคับใช้กฎหมายการเข้าเมืองที่เคร่งครัดมากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น โดยอาจส่งผลกระทบต่อทั้งพนักงานและผู้บริโภค แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์สามารถรักษาความปลอดภัยของรัฐต่าง ๆ และสหรัฐฯ โดยรวม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการท่องเที่ยว การบริการ และการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กในภูมิภาคต่าง ๆ ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องพึ่งพาแรงงานอพยพ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร การก่อสร้าง และการบริการ จะมีต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดนี้อาจชะลอการไหลเวียนของสินค้าข้ามชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตยานยนต์ และการเกษตรที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามพรมแดนเป็นอย่างมาก
- โครงการที่ส่งเสริมความหลากหลาย (diversity) ปิดตัวลง – คำสั่ง Executive Order ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดให้ผู้รับเหมาของรัฐบาลกลางรับรองว่า ไม่มีโปรแกรม Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI ที่ “ผิดกฎหมาย” ภายในองค์กรของตน ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่ง Executive Order ให้ตัดโครงการ DEI ของรัฐบาลกลาง ที่ส่งเสริมโอกาสสำหรับผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย และกลุ่มอื่นๆ ที่ด้อยโอกาสตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการยุติการให้ทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ให้ทุนแก่สตรีและคนผิวสี คำสั่งดังกล่าวทำให้เกิดความท้าทายเป็นอย่างมากสำหรับบริษัทเอกชนต่างๆ ที่สนับสนุน DEI และยังมีสัญญากับรัฐบาลกลาง
- พลังงานและกฎระเบียบ – ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งผู้บริหารหลายฉบับที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มการผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ การสำรวจ และ การผลิตน้ำมันและก๊าซ ในประเทศมากขึ้นสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานสำหรับผู้ผลิตในสหรัฐฯ และนำไปสู่การลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศในที่สุด นโยบายการลดกฎระเบียบที่มุ่งลดภาระในการปฏิบัติตามกฎระเบียบนี้ อาจสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับบริการทางการเงินและบริษัทผู้ผลิต ซึ่งขับเคลื่อนการลงทุนและนวัตกรรมในภาคส่วนเหล่านี้
- พนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงานตามปกติ – เนื่องจากพนักงานของรัฐและภาคเอกชนทำงานแบบ Work from home มาเป็นเวลานานนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 การนำพนักงานของรัฐบาลกลางหลายแสนคนกลับมายังพื้นที่เหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูการค้าขายในท้องถิ่นให้กับร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านซักแห้ง และบาร์
ที่มา : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสหรัฐฯ
https://www.thaibicusa.com/2025/02/14/us_smetrends2025/