ปัจจุบัน เทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางของนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงมากขึ้น โดยประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนต่างก็ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีในเวทีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาเทคโนโลยีควอนตัม AI ไมโครชิพ และเทคโนโลยีชีวภาพ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เดนมาร์กหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน โดยใช้การทูตเทคโนโลยี (Tech Diplomacy) เป็นเครื่องมือในการรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงในอนาคต
เดนมาร์กได้ริเริ่มการทูตเทคโนโลยีเมื่อปี 2560 ด้วยการแต่งตั้งตำแหน่ง Tech Ambassador เป็นประเทศแรกของโลก และได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกที่เป็นประโยชน์ต่อเดนมาร์กและยุโรป อีกทั้งเดนมาร์กถือเป็นผู้นำในการสนับสนุนกรอบทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีจะมีประโยชน์ต่อสังคม สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขปัญหาสำคัญของโลกปัจจุบันได้ ทั้งนี้ ได้มีแผนยุทธศาสตร์หลัก 4 ประการ ได้แก่
(1) ภูมิรัฐศาสตร์กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี มีอิทธิพลอย่างมากทางวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ ประชาธิปไตย และความมั่นคงของประเทศ ในขณะที่การตัดสินใจเกี่ยวกับที่ตั้งฐานการผลิต การลงทุน และการกระจายสินค้าล้วนแต่ส่งผลต่อภูมิรัฐศาสตร์ และความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของเดนมาร์กและการพัฒนาของและยุโรปด้วย และเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน เดนมาร์กจะดำเนินการ ดังนี้
(1.1) การเสริมสร้าง dialogue ทางภูมิรัฐศาสตร์กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกา ใน Silicon Valley นครซานฟรานซิสโก ซึ่งมีสำนักงานผู้แทน EU ตั้งอยู่ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับโลกที่สำคัญที่สุดในสาขานี้ ทั้งนี้ เดนมาร์กได้ร่วมกับออสเตรเลียจัดตั้งเครือข่าย Global Network of Cyber and Tech Ambassadors ขึ้นเพื่อวางแนวทางสำหรับการพัฒนาการทูตเทคโนโลยีร่วมกับประเทศต่าง ๆ ตลอดจนสนับสนุนการประชุมประจำปี “Cyber and Tech Retreat” ที่ Silicon Valley
(1.2) การส่งเสริมยุโรปให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี จากที่ EU เป็นผู้นำระดับโลกในด้านกฎหมายและมาตรฐาน รวมถึงเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับการแข่งขันระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้น เดนมาร์กจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดเงื่อนไขกรอบการทำงานที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในยุโรป ลดภาระและต้นทุนสำหรับบริษัท การขยายตลาดภายใน และการส่งเสริมโครงการความร่วมมือของ EU ในด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยการช่วยเหลือบริษัทเดนมาร์กในด้านการส่งออก การดึงดูดการลงทุน และการนำความรู้กลับมาใช้ (repatriating knowledge) ผ่านศูนย์นวัตกรรมของประเทศ ซึ่งจะเป็นวาระสำคัญของเดนมาร์กในช่วงการดำรงตำแหน่ง EU Presidency ในปี 2568 โดยจะจัดการประชุมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของยุโรปเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัฐบาลของประเทศ EU และอุตสาหกรรมดังกล่าวของยุโรป
(1.3) การส่งเสริมจุดแข็งของเดนมาร์กในด้านเทคโนโลยีในระดับระหว่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กจะเป็นตัวแทนของเดนมาร์กในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะประเทศที่มีนวัตกรรมควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ และ world-class digitalisation รวมทั้งจะมุ่งมั่นสนับสนุนการขยายธุรกิจและอุตสาหกรรมของเดนมาร์กไปสู่ตลาดโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของเดนมาร์ก
(2) ธรรมาภิบาลกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กให้ความสำคัญกับการกำหนดกรอบการทำงานระดับระหว่างประเทศสำหรับเทคโนโลยีควอนตัมและ AI และการให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยของเทคโนโลยี และสร้างกรอบการทำงานระดับโลกที่มีบรรทัดฐานและค่านิยมร่วมกัน โดยผ่านการดำเนินงาน ดังนี้
(2.1) การส่งเสริมความรับผิดชอบระดับโลกด้าน AI กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กจะส่งเสริมค่านิยมของเดนมาร์กในด้านการพัฒนา การใช้ และความรับผิดชอบของ AI ในกรอบการประชุมพหุภาคี และผ่าน dialogue กับบริษัทชั้นนำในสาขาดังกล่าวเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือบนบรรทัดฐาน กฎเกณฑ์ และมาตรฐาน โดยอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เช่น การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว การคุ้มครองเด็กและเยาวชนทางออนไลน์ ความรับผิดชอบในการต่อต้านการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การสนับสนุน dialogues ในระบอบประชาธิปไตย และส่งเสริมความโปร่งใสที่มากขึ้นเกี่ยวกับ black-box algorithms ตลอดจนมีความรับผิดชอบต่อความมั่นคง การเปลี่ยนผ่านสีเขียว สุขภาพ และการแก้ไขปัญหาความท้าทายระดับโลก โดย Tech Diplomacy จะมุ่งเน้นความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างอิทธิพลระดับโลกของ EU เสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในระดับระหว่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนา AI และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ AI
(2.2) การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีควอนตัมในระดับโลก เทคโนโลยีดังกล่าวกลายเป็นประเด็นสำคัญด้านความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีความพยายามทางการทูตที่เข้มแข็ง เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการปกป้อง การแข่งขัน และความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านควอนตัม โดยรัฐบาลเดนมาร์กได้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านเทคโนโลยีควอนตัมและจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีควอนตัมระหว่างประเทศภายใต้กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก เพื่อเพิ่มบทบาทของเดนมาร์กในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งในภูมิภาคนอร์ดิก EU และ NATO นอกจากนี้ เมื่อปี 2565 เดนมาร์กได้จัดทำความตกลงด้านควอนตัมกับสหรัฐอเมริกา และดำเนินบทบาทความเป็นผู้นำในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านควอนตัมกับ 13 ประเทศทั่วโลก โดยเดนมาร์กยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ DIANA (Accelerator programme for quantum technology) ของ NATO และจะเพิ่มความพยายามในการจัดตั้ง quantum hub ระหว่างประเทศแห่งใหม่โดยจะคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อสนับสนุนการทำความเข้าใจเชิงเทคนิคอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ AI และผลกระทบที่มีต่อนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง
(2.3) การรักษาผลประโยชน์ของเดนมาร์กในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ โดย Tech Diplomacy มุ่งหวังที่จะให้เดนมาร์กเป็นผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีระดับโลกโดยการส่งเสริม dialogue และความร่วมมือกับบริษัท startup และผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีภายในประเทศโดยภารกิจของเดนมาร์กใน Silicon Valley และศูนย์นวัตกรรมทั่วโลกจะมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนานโยบายระดับชาติ เสริมสร้างการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี และส่งเสริมบทบาทเชิงรุกของเดนมาร์กในการกำหนดแนวทางปฏิบัติด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มีความรับผิดชอบ
(3) ความร่วมมือทางการเมืองด้านความมั่นคงเกี่ยวกับเทคโนโลยี ความมั่นคงและอธิปไตยของเดนมาร์กและยุโรปในศตวรรษที่ 21 มีความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีใหม่ที่มีความสำคัญ บริษัททางด้านเทคโนโลยีกำลังทวีความสำคัญขึ้นต่อนโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยการตัดสินใจของบริษัทเหล่านี้จะมีนัยยะเหนือผลประโยชน์ทางการค้า และท้าทายประเด็นความมั่นคงของเดนมาร์ก EU และ NATO ตลอดจนส่งผลต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงของยุโรป-แอตแลนติก จึงจำเป็นต้องปกป้องเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดและถ่ายโอนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเดนมาร์กจะให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สถาบันวิจัย และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและภูมิภาค การเพิ่มบทบาทของบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเอกชน ตลอดจนจะเสริมสร้าง Cyber Diplomacy และทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลต่อไป โดยผ่านการดำเนินการ ดังนี้
(3.1) การสนับสนุนความร่วมมือระหว่าง NATO และ EU กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ของความมั่นคงยุโรป-แอตแลนติก โดยกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กจะยังคงทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า NATO จะเพิ่มความรับผิดชอบในการพัฒนาและการใช้ dual-use technologies และในส่วนของ EU เดนมาร์กยังคงยึดมั่นในการให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะต้องถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุมภายใต้กรอบนโยบายความมั่นคงของยุโรป ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และ Cyber Diplomacy อีกทั้งจะยังคงนำมุมมองด้านเทคโนโลยีเข้าสู่การอภิปรายของ EU เกี่ยวกับภัยคุกคามแบบผสมผสาน เช่น ข้อมูลที่บิดเบือนและการแทรกแซงจากต่างประเทศ ตลอดจนจะเน้นย้ำถึงบทบาทของอุตสาหกรรมในการสนับสนุนสันติภาพและความมั่นคงในยูเครนและในส่วนอื่น ๆ ของโลกที่มีความขัดแย้ง
(3.2) การส่งเสริมความร่วมมือกับอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดย Tech Diplomacy จะมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้และความร่วมมือที่แท้จริงระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาครัฐและภาคเอกชน และทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันว่าจะสามารถร่วมกันรับมือกับภูมิทัศน์ของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ และทำงานเพื่อการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และ digital disinformation campaigns ที่ดีขึ้น
(3.3) การเสริมสร้างความพยายามทางการทูตไซเบอร์ โดยเดนมาร์กได้เสริมความพยายามในการสร้าง cyber capacity ในยูเครนผ่านความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา และจะเพิ่มการทำงานทางการทูตไซเบอร์กับ EU และหุ้นส่วน โดยมีความร่วมมือกับหุ้นส่วนภาคเอกชนในภาคอุตสาหกรรมความมั่นคงทางไซเบอร์ ตลอดจนดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น Counter Ransomware Initiative ที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการใช้ ransomware ในการละเมิดหน่วยงานของรัฐ บริษัท และประชาชน
(4) บรรทัดฐานและความร่วมมือในระดับโลก เดนมาร์กจะให้ความสำคัญผ่านทาง EU กับความพยายามในการมีส่วนร่วมกับองค์การระหว่างประเทศและ UN เกี่ยวกับประเด็นเทคโนโลยีที่สำคัญในระดับโลก และจะพยายามที่จะวางบรรทัดฐานและ guidelines ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักจากสังคมพลเมือง รัฐบาล และอุตสาหกรรม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและวิชาการ และร่วมกันหาทางแก้ไข ตลอดจนจะเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเทคโนโลยีที่สำคัญทั่วโลกในด้านความร่วมมือทางดิจิทัลที่เป็นรูปธรรมและ tech-diplomatic dialogue โดยผ่านการดำเนินการ ดังนี้
(4.1) การสนับสนุน EU ในเวทีนโยบายเทคโนโลยีระดับโลก โดยกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวของยุโรปเกี่ยวกับกรอบงานระดับโลกสำหรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น เทคโนโลยีควอนตัม และ AI เป็นต้น และ EU จะต้องเพิ่มบทบาทของตนในฐานะหุ้นส่วนที่สำคัญกับประเทศที่สามในด้าน digitalisation และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ลดช่องว่างทางดิจิทัล (digital divide) และสร้างความมั่นใจในการเป็นตัวแทนระดับโลกในกรอบการประชุมที่สำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลเทคโนโลยี ได้แก่ UN Internet Governance Forum และใน World Summit for the Information Society (WSIS+20) ในปี 2568 รวมทั้งจะสนับสนุนโครงการภายใต้ Global Gateway ของ EU เพื่อจัดหาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้สำหรับประเทศหุ้นส่วนของ EU
(4.2) การส่งเสริมและปกป้องสิทธิทางดิจิทัลและมาตรฐานสากล โดยเดนมาร์กมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสิทธิทางดิจิทัลและมาตรฐานอินเทอร์เน็ตเสรีที่มีความปลอดภัยผ่าน Tech for Democracy เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยออนไลน์ รวมถึงจะร่วมมือกับองค์กรระดับโลก อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และภาคประชาสังคมเพื่อผลักดันบรรทัดฐานที่เข้มข้นยิ่งขึ้นและแนวทางปฏิบัติที่ปฏิบัติได้ นอกจากนี้ ก่อนที่จะมีการจัดทำ UN Global Digital Compact ในปีนี้ เดนมาร์กตั้งเป้าที่จะบรรลุข้อตกลงที่ทะเยอทะยานเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ ยึดมั่นในสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมและรักษาแนวทางการมีผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ AI หลังจากมีการนำไปใช้ โดยเดนมาร์กจะมุ่งเน้นไปที่การรับรองความเท่าเทียมทางดิจิทัล การต่อต้านข้อมูลที่ถูกบิดเบือน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสำหรับการกำกับดูแลอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ รัฐบาลเดนมาร์กได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 300 ล้านโครนเดนมาร์ก สำหรับการดำเนินการตาม Digital Democracy Initiative วาระปี ค.ศ. 2023 – 2026 เพื่อสนับสนุนความพยายามในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศในภูมิภาคที่มีวิกฤติการณ์ในการช่วยเหลือภาคประชาสังคมในการใช้เทคโนโลยีทำงานเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงทางเพศ การคุ้มครอง climate activists ผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัล และสนับสนุนการใช้ AI เป็นต้น
(4.3) การเสริมสร้างความร่วมมือทางการทูตด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยการมีส่วนร่วมในงานเศรษฐกิจดิจิทัลของกลุ่ม G20 แบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และส่งเสริมค่านิยมของยุโรป เดนมาร์กจะสร้างความร่วมมือกับประเทศเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น บราซิล อินเดีย และเคนยา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แสดงจุดแข็งด้านดิจิทัลของเดนมาร์ก และส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสทวิภาคีในการวิจัย พัฒนา และการค้า อีกทั้งเดนมาร์กจะเสนอทุน Fellowship ระยะสั้นใน Silicon Valley เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา และเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์