ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เผยตัวเลขประมาณการ GDP ในปี 2566 ขยายตัวอยู่ที่ 3.1 ซึ่งขยายตัวสูงเป็นอันดับต้นในกลุ่มประเทศ GCC โดยมียอดรายได้รวม 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และยอดใช้จ่ายรวม 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนจากค่า Purchasing Manager’s Index (PMI) ที่เพิ่มขึ้นถึง 56.6 (เมื่อเดือนมกราคม 2567) ทำให้เห็นถึงความมั่นใจในด้านการลงทุนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเงินลงทุนที่จะทะยอยเข้ามาและสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะยังคงขยายฐานการลงทุนและการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นโยบายการผลักดันภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ํามันจะยังคงดําเนินไปอย่างแข็งขัน
มูลค่า GDP การค้าน้ํามัน (Oil GDP) ประมาณการลดลงร้อยละ 3.9 ในขณะที่ช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 2566 ลดลงร้อยละ 5.6 จากช่วงเดียวกันในปี 2565 เนื่องมาจากการลดการผลิตน้ํามันเฉลี่ยวันละ 2.7 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากการประชุม OPEC+ เมื่อเดือน เมษายน 2566
อีกทั้ง ในปี 2566 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศ National Energy Strategy 2050 โดยได้สร้างโรงงานผลิต ไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพิ่มเติม และตั้งเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนให้การผลิตพลังงานได้สัดส่วน ดังนี้ (1) พลังงานสะอาด ให้ได้ ร้อยละ 44 (2) พลังงานแก๊ซ ให้ได้ ร้อยละ 38 (3) พลังงานถ่านสะอาด ให้ได้ ร้อยละ 12 และ (4) พลังงานนิวเคลียร์ ให้ได้ ร้อยละ 6
มูลค่า GDP การค้าที่ไม่ใช่น้ํามัน (Non-oil GDP) ประมาณการขยายร้อยละ 5.9 ในขณะที่ ช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 2566 ลดลงร้อยละ 5.8 เนื่องมาจากการชะลอตัวของระบบการบริการทางการเงินและการประกัน รวมทั้งการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของการลงทุนในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง การคมนาคม ระบบการจัดเก็บ ที่พักอาศัยและการบริการด้านอาหาร
- มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ํามัน ช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. ๒๕๖๖ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกที่ไม่น้ํามัน 3 อันดับต้น ได้แก่ ทองคํา (ร้อยละ 39.7) อะลูมิเนียม (ร้อยละ 6.5) และน้ํามันจากแร่ถ่านหินบิทูมินัส (ร้อยละ 6)
- มูลค่าการนําเข้าสินค้าที่ไม่ใช่น้ํามัน ช่วงเดือน ม.ค. – ก.ย. 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 2.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนําเข้าทองคํา (ร้อยละ 19.2) อุปกรณ์การสื่อสาร (ร้อยละ 9.8) ยานยนต์ (ร้อยละ 6.4) และเพชร (ร้อยละ 5.2)
แนวโน้มด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปี 2567
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางในทุกด้านของโลก โดยเฉพาะพลังงานเดิมและพลังงานทดแทน การค้า การคมนาคม/การขนส่ง การบิน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อาหาร และโลกแห่งอนาคต (อวกาศและเทคโนโลยี แห่งโลกอนาคต ฯลฯ) โดยได้คาดว่า GDP ปี 2567 จะโตขึ้นอีกร้อยละ 4.2 ประกอบด้วย มูลค่า Non-oil GDP จะโตขึ้น ร้อยละ 4.7 หรือให้ได้รายได้ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องมาจากแผนการขยายการค้าที่ไม่ใช่น้ํามันและการเพิ่มจํานวน CEPA ให้ได้กับอย่างน้อย 20 ประเทศ และมูลค่า Oil GDP จะโตขึ้นร้อยละ 2.8 เนื่องมาจากแผนการกลับมาตามข้อตกลง ใน OPEN+ เมื่อเดือน มิถุนายน 2565
ปัจจุบัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ความสนใจและความร่วมมือไปยังประเทศตะวันออก โดยเฉพาะอาเซียนและประเทศกําลังพัฒนาต่างๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะขยายความร่วมมือ โดยเฉพาะในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีทุนทรัพย์และเม็ดเงิน เป็นจํานวนมาก ในขณะที่ไทยสามารถผลิตและส่งออกสินค้าเกือบทุกอุตสาหกรรมได้ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่ต้องการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ําดื่ม อัญมณี เกษตรผลรวมไปถึงสินค้าไม้ สินค้าเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
นอกจากนี้ ด้านแรงงานฝีมือและบริการของไทยในด้านต่างๆ อาทิ วิศวกร ช่างเสริมสวย หมอนวดอาชีพ แพทย์และพยาบาล ก็ยังเป็นโอกาสและเป็นที่ต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี
เรียบเรียงโดย : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์