เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับ สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ใน LA จัดสัมมนา ‘Thailand Business Forum: A Reliable Partner for US Supply Chain’ เพื่อมุ่งนําเสนอศักยภาพของไทยในฐานะพันธมิตรที่สําคัญที่สนับสนุนความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานการผลิตทั้งจากในสหรัฐฯ และจากไทย และยังเป็นการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการไทยด้วย กิจกรรมนี้นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ครบรอบ 190 ปี โดยผู้แทนหน่วยงานทีมประเทศไทย ผู้แทนหอการค้าจากเทศมณฑลต่าง ๆ (County) ผู้ประกอบการไทยและสหรัฐต่างเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ภายในงานมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
- การสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐฯ
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จํากัด (มหาชน) ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เตรียมผลักดันให้อาหารเอเชียและอาหารไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจากที่ร้านอาหารไทยได้รับความนิยมอยู่เป็นจํานวนมากแล้วในสหรัฐฯ และมีแผนจะนําเข้าสินค้าผลไม้และไวน์จากสหรัฐฯ ไปประเทศไทย โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีโรงงานผลิตอาหาร 4 แห่งใน 2 มลรัฐ ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสําเร็จรูปและแปรรูปเนื้อสัตว์ของบริษัท Overhill Farms 2 แห่ง ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โรงงานผลิตอาหารสําเร็จรูปของบริษัท Bellisio Foods และโรงงานผลิตพิซซ่าแช่แข็งในรูปแบบต่าง ๆ ของบริษัท Frozen Specialties Inc. ในรัฐโอไฮโอ โดยมีสำนักงาน ใหญ่ และศูนย์วิจัยของบริษัท Bellisio Foods ตั้งอยู่ที่ นคร Minneapolis รัฐ Minnesota อีกทั้ง ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดฟาร์มกุ้ง Homegrown Shrimp USA ที่เมืองอินเดียนทาวน์ รัฐฟลอริดา เป็นฟาร์มกุ้งแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่ใช้ระบบปิดและใช้น้ําหมุนเวียน (recirculating aquaculture system) ซึ่งจะไม่ปล่อยน้ําเสียออกสู่ธรรมชาติ
- บริษัท Sun Lee Inc. ผู้นําเข้าสินค้าอาหารเอเชียรายใหญ่ในสหรัฐฯ เจ้าแรกที่เริ่มนําเข้าข้าวหอมมะลิยี่ห้อ “Buddha Jasmine Rice” จากไทย บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 2-3 ผลิตภัณฑ์ทุกเดือน ซึ่งสินค้าใหม่จะต้องผ่าน กระบวนการคัดเลือกและพัฒนาอย่างเข้มข้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถขายได้ในตลาดสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการคลังสินค้าสําหรับการจัดจําหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีสินค้าเพียงพอ พร้อมทั้งใช้ระบบควบคุมการกระจายสินค้าตามอายุสินค้า (First in First Out) เพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสำนักงานและศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมด 5 แห่งใน 4 รัฐในสหรัฐฯ ได้แก่ เมือง Santa Fe Springs และเมือง Hayward รัฐแคลิฟอร์เนีย เมือง Spanaway รัฐวอชิงตัน เมือง Stafford รัฐเท็กซัส และเมื่อไม่นานมานี้ ได้เปิดศูนย์กระจายสินค้าที่เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา
- บริษัท SCG International ประจําสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในสาขาที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานจากสหรัฐฯ ได้แก่ การนำเข้าซีเมนต์เพื่อการก่อสร้าง และการส่งออกกล่องกระดาษกลับไทย ทั้งนี้ ธุรกิจรีไซเคิลของบริษัทฯ มีความต้องการใช้วัตถุดิบปีละ 4 ล้านตัน จึงให้ความสําคัญกับการนําเข้ากล่องกระดาษจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เพราะผลิตจากเส้นใยยาวคุณภาพสูง เป็นส่วนประกอบอย่างน้อยร้อยละ 20 ในการผลิตกระดาษหรือบรรจุภัณฑ์ใหม่จากวัตถุดิบรีไซเคิล
- การลงทุนและโอกาสในการลงทุนในสหรัฐฯ
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จํากัด (มหาชน) เผยผลการทําการวิจัยและพัฒนาด้านอาหารของบริษัทใน ตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ พบว่า เมนูอาหารไทยที่กำลังจะเป็นที่นิยมในลักษณะ “comfort food” ในสหรัฐฯ ได้แก่ ข้าวซอย ข้าวกะเพรา ไข่เจียว ผัดไท และผัดซีอิ๊ว
- บริษัท SCG เล็งเห็นโอกาสของการส่งออกซีเมนต์ซีเขียวที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตต่ํากว่าปกติเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในสหรัฐฯ ที่มีความต้องการสูงขึ้น
การจัดสัมมนาฯ ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพของธุรกิจไทยในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจไทยอื่น ๆ นอกเหนือจากกิจการร้านอาหารและร้านนวดไทย อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างนักธุรกิจไทยในรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย ทั้งนี้ สามารถรับชมภาพบรรยากาศภายในงานได้ที่เว็บไซต์ สกญ. https://thaiconsulatela.thaiembassy.org/th/content/thailand-business-forum-th
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส
เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์