ปัจจุบัน ไทยสามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยในอดีตไทยสามารถผลิตได้เพียงพอเพื่อใช้บริโภคในประเทศเท่านั้น แต่ในปัจจุบันสามารถผลิตได้มากขึ้นและพร้อมส่งออก !!
เมื่อคำนึงว่าอินเดียมีอัตราการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทุกปีและมีผู้ส่งออกรายใหญ่มายังอินเดีย เช่น อินโดนีเซียเองก็ประสบสภาวะการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่สามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้มากกว่าที่เป็นอยู่ จึงจำเป็นต้องจำกัดการส่งออก และ ในส่วนของมาเลเซีย ไม่มีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกได้มากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้อินเดียมองไทยในฐานะแหล่งทางเลือกนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ
อินเดียถือเป็นตลาดบริโภคน้ำมันพืชมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปัจจุบัน โดยน้ำมันปาล์มในอินเดียส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ใช้ไปเพื่อการประกอบอาหาร (โดยถือเป็น ร้อยละ 40 ของน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้ทั้งหมดในอินเดีย) ซึ่งน้ำมันประเภทอื่นที่เป็นที่นิยม ได้แก่ น้ำมันถั่ว เหลือง และน้ำมันมัสตาร์ด
อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มกว่า 2 ใน 3 ของที่บริโภคในประเทศต่อปีโดยส่วนใหญ่มาในรูปแบบ น้ำมันดิบ โดยมีคู่ค้าหลัก คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
คาดการณ์ว่าแนวโน้มปีนี้ อัตราการนำเข้าน้ำมันปาล์มของอินเดียมีโอกาสโตร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีก่อน (รวม 9.17 ล้านตัน)
ข้อดีของการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากไทย ได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายในการขนส่งไม่สูงเพราะไทยและอินเดียไม่ไกลกันมากนัก และสามารถเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือของทั้งสองประเทศที่ห่างกันเพียงแค่ทะเลอันดามัน – อ่าวเบงกอล (2) มี FTA ระหว่างกัน จึงไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า (เมื่อเทียบกับการนำเข้าจากมาเลเซีย ที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 8 และ (3) ไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้อย่างเสรี
นอกจากนี้ น้ำมันปาล์มจากไทยยังมี ความยั่งยืน ที่เป็นจุดแข็งที่สำคัญเมื่อเทียบกับผู้เล่นหลักอื่น ๆ กล่าวคือ ผู้เล่นหลักของไทยล้วนเป็นรายย่อย ทำให้ไม่เกิดการเอาเปรียบหรือตัดราคาโดยพ่อค้าคนกลาง ทำให้รายได้เข้าเกษตรกรสวนปาล์มโดยตรง
โอกาสของไทย
ปัจจุบันไทยส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังอินเดียถึง 1 ใน 3 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งหมดต่อปี คิดเป็นกว่า 1 ล้านตันในปี พ.ศ. 2565 และแม้ว่าอินเดียจะมีความพยายามที่จะสร้างพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะในรัฐทางใต้ แต่ด้วยสภาพดินและสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมจึงยากที่จะมีผลิตผลมากพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ น้ำมันปาล์มจากไทยจึงถือเป็นโอกาสใหม่ที่สำคัญสำหรับภาครัฐที่ควรร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมและผลักดันให้เข้ามาในตลาดอินเดียให้มากขึ้น
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี
เรียบเรียง ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์