แม้ว่าชาวโปรตุเกสส่วนมากมีอุปนิสัยอนุรักษ์นิยมในการบริโภคอาหาร โดยประชาชนยังให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารท้องถิ่น อาหารที่มีการปรุงแบบดั้งเดิม (ใช้น้ำมันมะกอกและเกลือเป็นเครื่องปรุงหลัก) และอาหารทะเลประเภทปลาทะเลและเนื้อวัว ที่หาได้ง่ายและมีราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่น ๆ ทำให้ชาวโปรตุเกส โดยเฉพาะวัยกลางคนขึ้นไปจนถึงสูงอายุหรือร้อยละ 56 ยังไม่เปิดกว้างให้กับอาหารทางเลือกอื่น ๆ มากนัก อีกทั้งกฎหมายเกี่ยวกับอาหารทางเลือกและอาหารเพื่อความยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมของโปรตุเกสยังคงไม่ก้าวหน้า เมื่อเทียบกับเนเธอร์แลนด์และเยอรมนี
อย่างไรก็ดี สมาคมมังสวิรัติโปรตุเกสเผยแพร่ข้อมูลว่า ในปี 2564 โปรตุเกสมีจำนวนผู้รับประทาน มังสวิรัติจำนวน 1 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 10 ล้านคน จำนวนผู้หันมารับประทานอาหารมังสวิรัติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 – 2564) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2562 – 2564 มีผู้หันมารับประทานมังสวิรัติแบบ vegetarian และ vegan เพิ่มขึ้นร้อยละ 137 และประเภทแบบไม่เคร่งครัด (flexitarian) เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จึงเป็นที่สังเกตได้ว่า แนวโน้มนี้ทำให้ร้านอาหารชั้นนําเริ่มเพิ่มรายการอาหารมังสวิรัติในเมนูของตนเอง และมีร้านอาหารเพื่อสุขภาพและมังสวิรัติเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ชาวโปรตุเกสรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ ซูเปอร์มาร์เก็ต Continente ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนําเก่าแก่สัญชาติโปรตุเกสมีสาขากว่า 200 สาขา เป็นบริษัทแรกที่ริเริ่มวางจําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีแมลงและหนอนเป็นส่วนประกอบ
ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตเล็งเห็นเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มในโปรตุเกสที่จะเติบโต ได้แก่ (1) อาหารที่ทำจากพืช (Plant based) แม้แต่อาหารฟาสฟู้ด หรือ comfort food ในโปรตุเกสเริ่มปรับเพิ่มเมนูมังสวิรัติ ที่มุ่งเน้นพืชผักเป็นส่วนประกอบมากขึ้น (2) อาหารจากธรรมชาติและอาหารออร์แกนิก อาหารที่ไม่มีกลูเตน แลคโตส ตามกระแสรักสุขภาพและในประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกส โดยเฉพาะบราซิล ทำให้มีการแพร่ขยายความนิยมมายังโปรตุเกส (3) อาหารทางเลือก อาหารแห่งอนาคต และอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าทดแทนโปรตีนจากสัตว์ เช่น แมลง กําลังเริ่มมีตลาดผู้บริโภคมากขึ้นในโปรตุเกส และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 มีร้านอาหารเปิดใหม่ชื่อ Clandestin๐ (ความลับ) ที่เมือง Aveiro โดยเป็นร้านอาหารโปรตุเกสร้านแรกที่ใช้วัตถุดิบประเภทแมลงและหนอน และ (4) อาหารที่มีถิ่นกำเนิดในโปรตุเกส ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในโปรตุเกส และผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าอาหารจะมีความสดใหม่ ปราศจากวัตถุกันเสียต่าง ๆ นอกจากนี้ เว็บไซต์ Zomato Portugal รายงานว่า ในปี 2564 ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารสุขภาพจะเป็นแนวโน้มร้านอาหารเปิดใหม่
รวมถึงประเภทสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ได้แก่ สินค้าอาหารประเภทแป้งไม่ขัดขาว ขนมปังซาวโดวจ์ (Sourdough) ขนมหวานที่มีส่วนผสมของพืชผัก เช่น ขนมปังมันหวาน ขนมบราวน์นี่ชาเขียว อาหารทดแทนโปรตีน อาหารมังสวิรัติสำหรับนําไปประกอบอาหาร เช่น เทมเปะ อาหารทางเลือกเพื่อความยั่งยืน เช่น ช็อกโกแลตผสมแมลงหรือหนอน สแนคบาร์ธัญพืชผสมแมลง เส้นพาสต้าทำจากแมลง อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ชาหมักสุขภาพ (Kombucha) น้ำผลไม้ผสมเมล็ดเจีย และน้ำผลไม้สกัดเย็นอื่น ๆ นอกจากนี้ คนวัยทำงานอายุ 30-40 ปี วัยกลางคน และวัยรุ่นตอนปลายที่มีรายได้ คือ กลุ่มเป้าหมายสำคัญ