เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 สำนักงานสถิติเเห่งชาติซาอุดีอาระเบีย เผยเเพร่สถิติทางเศราฐกิจของประเทศในไตรมาส 3/2564 พบว่ามี GDP มูลค่า 665.22 พันล้านริยาล (177.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2564 9.2% โดยภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรวมมีการขยายตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งในถาคอุตสาหกรรมน้ำมัน การเงิน ประกันภัย บริการทางธุรกิจ ค้าปลีก/ส่ง โรงเเรม ขณะที่อัตราการว่างงานเปิดเผยโดยสำนักงานสถิติเเห่งชาติ ล่าสุดไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 11.3% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤตโรค COVID-19
.
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ไตรมาสที่สามของปีนี้มีมูลค่า 275.9 พันล้านริยาลหรือประมาณ 73.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการส่งออกน้ำมัน ที่ขยายตัวถึง 93.9% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ในขณะที่การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกเเละยางพาราโตขึ้น 49% ด้านการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 17.56% โดยส่วนใหญ่เป็นยานยนต์เเละส่วนประกอบที่เพิ่มชึ้น 58.1%
.
การค้าระหว่างไทยเเละซาอุดีอาระเบียในไตรมาสที่สามของปีนี้มีมูลค่า 7.25 พันล้านริยาล (61.62 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 17.38% โดยไทยเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญอันดับที่ 11 ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งประเทศซาอุดีอาระเบียมีการส่งสินค้ามาไทยเพิ่มขึ้น 78.75% หรือคิดเป็นมูลค่า 5.07 พันล้านริยาล ซึ่งสินค้ายอดฮิตที่ซาอุดีอาระเบียนำเข้าจากไทย คือ รถยนต์ อุปกรณ์เเละส่วนประกอบ เครื่องจักรกลเเละส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ไม้เเละผลิตภัณฑ์ไม้
.
ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนนโยบายมุ่งส่งเสริมให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มมากขึ้นผ่านแผนการปฏิรูป Vision 2030 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้นจาก 40% เป็น 65% ของ GDP และ Vision 2030 ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม GDP การส่งออกของประเทศซาอุดีอาระเบียในภาคที่ไม่ใช่น้ำมันจาก 16% เพิ่มเป็น 50% จึงเป็นโอกาสด้านการค้า-การลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น การศึกษาลู่ทางการส่งออกสินค้าไทย เป็นต้น รวมไปถึงโอกาสในภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว การบริการ (hospitality) ที่ไทยมีศักยภาพที่สามารถไปนำเสนอความน่าสนใจให้นักธุรกิจซาอุดีอาระเบียได้
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด