องค์การพลังงานนิวเคลียร์ยูเออีแถลงความคืบหน้าการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ Barakah (WAM) นำโดย นาย Mohamed At Hammadi ประธานองค์การพลังงานนิวเคลียร์ยูเออี (Emirates Nuclear Energy Corporation – ENEC) ประกาศว่า เตาปฏิกรณ์แห่งที่ 2 ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ Barakah ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว โดย ENEC จะมอบหมายให้บริษัท Nawah Energy ซึ่งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของ ENEC เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน เตาปฏิกรณ์แห่งที่ 3 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความคืบหน้าในก่อสร้างไปแล้วร้อยละ 81 และเตาปฏิกรณ์แห่งที่ 4 มีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วร้อยละ 66 โดยความคืบหน้าของการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในภาพรวมนั้น ถือว่ามีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 94 และคาดว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ Barakah จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ร้อยละ 25 ของความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ และจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ได้ถึง 12 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับการลดจำนวนรถยนต์ถึง 3.2 ล้านคันออกจากถนนของทุกปี
[su_spacer]
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ Barakah ถือเป็นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา และเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบ APR-1400 จำนวน 4 หน่วย ซึ่งถือเป็นเครื่องปฏิกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกและเป็นไปตามมาตรฐานสากลสูงสุดด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยโครงการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพถือเป็นกลไกสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงด้านการเติบโตทางวิชาการและสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพที่มีมูลค่าสูงสำหรับพลเมืองชาวยูเออี อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดของพันธมิตรคู่สัญญาระหว่างบริษัทเคปโก (Korea Electric Power Corporation : KEPCO) ของเกาหลีใต้ ในฐานะผู้ที่ได้รับสัมปทานในโครงการสำคัญนี้กับรัฐบาลยูเออีด้วย
[su_spacer]