ด้วยเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 รัฐบาลมัลดีฟส์ได้ประกาศว่า มัลดีฟส์จะเปิดประเทศและต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง ภายหลังการปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในมัลดีฟส์ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้เผยแพร่แนวทางการจัดการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ภายหลังการเปิดประเทศ (Guideline for Restarting Tourism in Maldives) สื่อประชาสัมพันธ์ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์สําหรับนักท่องเที่ยวบน Social Media ของกระทรวงการท่องเที่ยวซึ่งเป็นการดําเนินการตามนโยบาย Safe Tourism ของมัลดีฟส์เพื่อเร่งฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว ดังนี้
[su_spacer]
1. การเดินทางเข้าประเทศ : ไม่มีการจัดทํา Travel Bubble หรือ Travel Corridor ดังนั้น นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศสามารถเดินทางเข้ามัลดีฟส์ได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป และสามารถมาขอรับการตรวจลงตราประเภท Visa On Arrival (ระยะเวลาพํานัก 30 วัน) ได้โดยไม่คิดค่าวีซ่า โดยนักท่องเที่ยวจะต้องแสดงเอกสารยืนยันการจองที่พัก ณ เกาะรีสอร์ท โรงแรมบนเกาะที่ไม่ใช่เกาะที่อยู่อาศัย (hotels on uninhabited islands) หรือ tourist vessels และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน นักท่องเที่ยวไม่จําเป็นต้องยื่นผลการตรวจ PCR Test ในการขอรับการตรวจลงตรา แต่จะต้องกรอก Health Declaration Form เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินขาเข้า ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถพักในรีสอร์ทเพียงแห่งเดียวตลอดการเยือน
[su_spacer]
2. มาตรการสาธารณสุขเมื่อเดินทางเข้าประเทศ : ไม่มีการกําหนดให้นักท่องเที่ยวต้องเข้ารับการกักโรค และไม่มีการกําหนดให้มีการตรวจ mandatory PCR Test ที่สนามบิน อย่างไรก็ดี หากนักท่องเที่ยวมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีอาการบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ COVID-19 อาทิ อาการไอ หอบ หายใจสั้น ๆ มีไข้ น้ำมูกไหล จะต้องเข้ารับการตรวจ PCR Test โดยนักท่องเที่ยว หรือ โรงแรม/รีสอร์ท ที่พักจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และในกรณีที่นักท่องเที่ยวที่มีอาการบ่งชี้เดินทางเป็นกลุ่ม นักท่องเที่ยวทุกคนในกลุ่มดังกล่าวจะต้องเข้ารับการตรวจ PCR Test
[su_spacer]
ในกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อ (positive PCR Test) นักท่องเที่ยวสามารถแสดงความประสงค์ได้ว่าจะเดินทางไปกักโรค/รักษาอาการที่เกาะรีสอร์ทในพื้นที่ที่แยกไว้เฉพาะหรือที่สถานที่รักษาพยาบาลที่รัฐบาลมัลดีฟส์กําหนด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอาการของผู้ป่วย โดยโรงแรม/รีสอร์ท ที่พัก จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วย และค่าที่พักในกรณีที่ผู้ป่วยจะต้องถูกส่งตัวไปยังสถานที่รักษาพยาบาลที่รัฐบาลมัลดีฟส์กําหนด
[su_spacer]
3. การเดินทางจากสนามบินไปเกาะรีสอร์ท : ผู้แทนจากเกาะรีสอร์ทที่นักท่องเที่ยวทําการจองที่พักไว้ล่วงหน้าจะมารอรับนักท่องเที่ยว และพาไปยังเกาะรีสอร์ทโดยตรง โดยนักท่องเที่ยว หรือเกาะรีสอร์ทจะต้องทําการจองเรือ (Speed Boat) หรือเครื่องบิน (Seaplane) ไว้ก่อนล่วงหน้า และการเดินทางจะต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
[su_spacer]
4. การเตรียมความพรอมของเกาะรีสอร์ท : เกาะรีสอร์ทจะต้องจัดให้มีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่กักโรค เตรียมความพร้อมของพนักงานให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางสาธารณสุขที่ HPA กําหนด จัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ และแพทย์ประจํารีสอร์ทจะต้องเข้ารับการอบรมและได้รับการรับรองจาก Heath Protection Authority (HPA) ซึ่งเกาะรีสอร์ทที่ได้ดําเนินการตามเงื่อนไขและแนวทางด้านสาธารณสุขที่ HPA กําหนด สามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป สําหรับเกสต์เฮาส์หรือ โรงแรมที่ตั้งอยู่บนเกาะที่อยู่อาศัย (Habited island) จะสามารถเปิดให้บริการได้ในวันที่ 1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ต้องเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุขที่ HPA กําหนด
[su_spacer]
5. รัฐบาลมัลดีฟส์กําหนดให้มีการทบทวนแนวทางการจัดการท่องเที่ยวฯ ทุก 14 วันเพื่อประเมินผลกระทบภายหลังการเปิดประเทศและอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามายังมัลดีฟส์ และเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแนวทาง/มาตรการรับมือได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ รายละเอียดของแนวทางการจัดการท่องเที่ยวฯ สามารถเข้าถึงได้ที่ https://bit.ly/3doFAdB
[su_spacer]
6. รัฐบาลมัลดีฟส์แนะนําให้รีสอร์ทจ้างพนักงานเดิม ที่ต้องหยุดงานในช่วงที่มัลดีฟส์ปิดพรมแดน
[su_spacer]
7. ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อสังเกต:
- มัลดีฟส์อาจจะเป็นประเทศแรกที่เปิดรับคนจากทุกประเทศเข้าประเทศโดยไม่มีเงื่อนไขการตรวจสุขภาพหรือการกักตัวใดๆ ทั้งนี้เนื่องมาจากธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของมัลดีฟส์ โดยคิดเป็นจํานวนประมาณร้อยละ 30 ของ GDP และยังเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่มาก การที่ธุรกิจท่องเที่ยวหยุดชะงัก จึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจของมัลดีฟส์ และสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย ผลการสํารวจของสื่อต่าง ๆ พบว่า ประชาชนมัลดีฟส์ส่วนใหญ่ต้องการให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในโอกาสแรกที่สุด
- รัฐบาลมัลดีฟส์มีเป้าหมายหลักในการเร่งฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยว ให้กลับมาดังเดิมภายหลังการปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยในการจัดการท่องเที่ยวฯ หลังการเปิดประเทศ รัฐบาลมัลดีฟส์ได้พยายามใช้ประโยชน์จากภูมิศาสตร์ที่เป็นประเทศหมู่เกาะ มีโรงแรม/รีสอร์ท ตั้งอยู่บนเกาะทั้งเกาะ (One Island – One Resort) แยกต่างหากจากเกาะที่อยู่อาศัย (inhabited island) ที่ผ่านมาหากพบว่ามีการแพร่ระบาดบนเกาะใด รัฐบาลมัลดีฟส์จะสั่งปิดเกาะดังกล่าวก่อนเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลที่กําหนด และกําหนดให้ทุกคนบนเกาะต้องกักโรคอยู่บนเกาะนั้น นอกจากนี้ รัฐบาลมัลดีฟส์ไม่สร้างภาระให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่มเติม อาทิ ไม่กําหนดให้มีการกักโรค ไม่จําเป็นต้องยื่น PCR Test ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ไม่กำหนด mandatory PCR Test ที่สนามบินขาเข้า และไม่กําหนดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวมัลดีฟส์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของประเทศแถบยุโรป จนถึงช่วงปลายปี
- อย่างไรก็ดี ภาระหลายอย่างได้ไปเพิ่มเติมอยู่ที่ โรงแรม/เกาะรีสอร์ท ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดดําเนินการและการรับมือในกรณีที่พบว่านักท่องเที่ยวติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น อาทิ ค่าใช้จ่ายจากการตรวจ PCR Test ที่สนามบิน หากนักท่องเที่ยวมีอาการบ่งชี้ ค่าเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลที่รัฐบาลกําหนด และค่าที่พัก ณ สถานพยาบาลที่รัฐบาลกําหนด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่โรงแรม/เกาะรีสอร์ท ก็อาจผลักภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปยังตัวนักท่องเที่ยวเอง
- รายละเอียดในการปฏิบัติตามแนวทางการจัดการท่องเที่ยวฯ จะชัดเจนขึ้น เมื่อมีการเปิดประเทศ และน่าจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการท่องเที่ยวฯ หรือกําหนดมาตรการเพิ่มเติมต่อไป
- รัฐบาลมัลดีฟส์สนับสนุนให้รีสอร์ทต่าง ๆ จ้างพนักงานเดิม ในส่วนของพนักงานคนไทยที่ทํางานในรีสอร์ทของไทยและของประเทศต่างๆ ได้เดินทางกลับไทยไปแล้วเกือบทั้งหมด พนักงานเหล่านี้จึงอาจจะร้องขอที่จะเดินทางกลับไปทํางานในมัลดีฟสในอนาคตอันใกล้
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลอมโบ