นาย David Owen นักเศรษฐศาสตร์ประจํา บริษัท IHS Markit กล่าวว่า จากการสํารวจของ IHS Markit ความคาดหวังในการทําธุรกิจในดูไบตกลงอยู่ในระดับต่ำที่สุดในช่วง 43 เดือน นับจากการระบาดของ COVID-19 โดยดิ่งมากในช่วงเดือน มี.ค. ตามสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทาง ซึ่งทําให้อัตราการทํางานและดําเนินการในภาคนี้ตกลงอย่างมาก โดยเฉพาะการไร้อุปสงค์ของผู้บริโภคในภาคที่มิใช่อาหาร ภาคธุรกิจต้องปรับตัวด้วยการลดและเลิกการจ้างงาน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ ดัชนีการจัดซื้อของผู้จัดการในดูไบ (IHS Markit Dubai Purchasing Managers Index) ได้ตกลงต่ํากว่า 50 จุด อยู่ในแดนลบในเดือน มี.ค. 2020 อยู่ในอันดับที่ต่ําที่สุดในรอบ 10 ปี เหลือเพียง 45.5 จุด ลดลงจากระดับ 50.1 จุดในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นผลจากสถานะทางเศรษฐกิจและสภาพการณ์การทําธุรกิจในดูไบที่เสื่อมถอยลงในภาค ศก. ที่มิใช่น้ํามันของดูไบ
[su_spacer]
นอกจากนี้ สภาพทางธุรกิจที่อ่อนแอ โดยเฉพาะคําสั่งซื้อใหม่ๆ ซึ่งอ่อนตัวลงมากในภาคธุรกิจในดูไบในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ธุรกิจในดูไบได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัสเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับทั่วโลกในเดือน มี.ค. โดยเฉพาะปริมาณในการทําธุรกิจตกลงมาก บริษัทถูกบังคับให้ต้องลดและเลิกจ้างงานให้มากที่สุดเพื่อลดต้นทุนและทําให้เกิดความสูญเสียต่อบริษัทให้น้อยที่สุด จากการปิดสนามบินดูไบและสายการบินทั้งหมดระงับการบินลงดูไบก่อนหน้านั้น และการล็อคดาวน์ปิดเมืองดูไบตลอด 24 ชม. เป็นเวลาหลายสัปดาห์ และตลาดการท่องเที่ยวทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบจากการควบคุมพรมแดนของแต่ละประเทศอย่างหนัก เพื่อระงับการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสนี้ให้ได้ และโดยเฉพาะสนามบินในยูเออี ซึ่งปิดลงทั้งหมดสําหรับ นักท่องเที่ยว โดยคาดว่าความอ่อนแอในอุปสงค์นี้จะยังคงอยู่ในเดือน เม.ย. และตลอดจนไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
[su_spacer]
ขณะเดียวกัน ตลาดค้าส่งและค้าปลีกในดูไบแม้ได้รับอานิสงค์จากการที่ประชาชนกักตุนซื้อสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะอาหาร อย่างไรก็ตามการค้าปลีกอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบด้านลบตลอดเดือน เม.ย. เนื่องจากห้างสรรพสินค้าถูกสั่งปิดเป็นเวลานานนับเดือนจนถึงปัจจุบันนี้ ยกเว้นการค้าขายออนไลน์ที่ยังทําได้เช่นเดียวกับการขายอาหารออนไลน์ของภัตตาคารซึ่งทําได้เพียงด้านนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางธุรกิจดังกล่าว ยังเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหากยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ได้ และจะทําให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายใต้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลังของรัฐดูไบและรัฐบาลยูเออี รวมทั้งธนาคารกลางของยูเออีอัดฉีดเงินทุนและสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจในทุกภาคส่วนมูลค่าถึง 256 พันล้านดีแรห์ม นอกจากนี้ รัฐบาลแต่ละรัฐก็ยังมีมาตรการด้านการคลังมาสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นธุรกิจและภาคการเงินใน แต่ละภาคส่วนและแต่ละรัฐอีกเป็นจํานวนมากด้วย
[su_spacer]