องค์กรการค้าปลีกของสหราชอาณาจักร (British Retail Consortium – BRC) รายงานว่า ยอดขายการค้าปลีกโดยรวมของสหราชอาณาจักรในปี 2562 ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 0.9 ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 25 ปี (นับตั้งแต่ปี 2538) โดยเฉพาะยอดขายในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2562 ซึ่งมีสถิติที่น่าผิดหวัง โดยปรับตัวลดลงร้อยละ 0.5 ทั้งนี้ บริษัท Barclaycard ซึ่งเป็นบริษัทบัตรเครดิตอันดับต้น ๆ ของ สหราชอาณาจักรระบุว่า ยอดขายโดยรวมของซุปเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรหดตัวลงในอัตราร้อยละ 0.9 เช่นกัน ในขณะที่ยอดขายของร้านค้าปลีกเฉพาะทาง เช่น ร้านขายของเล่นและร้านขายเกมส์ ปรับตัวลดลงสูงถึงร้อยละ 4 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด ได้แก่ โรงภาพยนตร์ (ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 19) ผับ และการบริการจัดส่งอาหาร (takeaways) ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวได้อ้างรายงานผลประกอบการในช่วงพฤศจิกายน – ธันวาคม 2562 ของห้างร้านและซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนําของสหราชอาณาจักรที่สรุปว่า บริษัทที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ได้แก่ Next (เสื้อผ้าและแฟชั่น) / Greggs (อาหารจําพวกพายและแซนวิช) / Tesco / Audi และ Lid ในส่วนของบริษัทที่มียอดขายลดลง ได้แก่ ห้าง John Lewis / Marks & Spencer / Sainsbury’s baz Morrisons
[su_spacer]
บริษัท Rolls-Royce รายงานว่า ในปี 2562 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์ทั้งหมดจํานวน 5,125 คัน เพิ่มขึ้นจากยอดขายในปี 2561 (4,107 คัน) ถึงร้อยละ 25 โดยถือเป็นยอดขายที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ (116 ปี) ยอดขาย ดังกล่าวสะท้อนการปรับตัวสูงขึ้นของอุปสงค์ทั่วโลก โดยเฉพาะในรัสเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย กาตาร์ และเกาหลีใต้ รวมทั้งในสหราชอาณาจักรซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Breit ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าแต่อย่างใด โดยรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุด ได้แก่ รุ่น Phantom และรุ่น Cullinan ตามลําดับ ในทางตรงกันข้าม ยอดขายรถยนต์ของ บริษัท Aston Martin ในปี 2562 มีการปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการที่ศูนย์จําหน่ายรถยนต์ต่าง ๆ ไม่สามารถทํายอดขายได้ดี ส่งผลให้ยอดขายส่งโดยรวมของบริษัทฯ ลดลงในอัตราร้อยละ 7 มาอยู่ที่จํานวน 5,505 คัน นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงจากที่เคยมีราคาหุ้นละ 155 ปอนด์ (ตุลาคม 2561) มาอยู่ที่ 4.50 ปอนด์
[su_spacer]
Digital Economy Council ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรรายงานว่า ในปี 2562 การลงทุนในภาคดิจิทัลและเทคโนโลยีในสหราชอาณาจักรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 โดยมีมูลค่ารวม 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณการลงทุนทั้งหมดของในภาคดิจิทัลและเทคโนโลยีใน EU และมีมูลค่ามากกว่าการลงทุนในภาคดังกล่าวของฝรั่งเศสและเยอรมนี รวมกัน นอกจากนี้ บริษัท Tech Nation และ Dealroom.co ได้จัดลําดับประเทศที่มีการร่วมทุนของกลุ่มนักลงทุนมากที่สุดในปี 2562 นําโดยสหรัฐฯ (เมืองซานฟรานซิสโกโดยเฉพาะในแถบ Bay Area และนครนิวยอร์ก) อยู่ในอันดับ 1 ตามด้วยจีน (กรุงปักกิ่ง) และสหราชอาณาจักร (กรุงลอนดอน) ตามลําดับ ปัจจุบันกรุงลอนดอนเป็นที่ตั้งของบริษัท startup ที่มีมูลค่ามากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือที่เรียกว่า “Unicorn”) ทั้งหมด 46 บริษัท รองลงมาเป็นกรุงเบอร์ลิน 12 บริษัท และกรุงปารีส 11 บริษัท โดยในปี 2562 มีบริษัทสัญชาติบริติชจํานวน 8 บริษัทที่ได้รับสถานะเป็น “Unicorn” ได้แก่ บริษัท Rapyd บริษัท CMR Surgical บริษัท Babylon Health บริษัท Sumup บริษัท Trainine (TRNT.L) บริษัท Acuris บริษัท Checkout.com และ บริษัท OVO Energy
[su_spacer]