สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)ได้พัฒนาธุรกิจด้าน Fintech ในดูไบเป็นอย่างดี โดยในปัจจุบันมีบริษัท Startups ด้าน Fintech ในดูไบถึง 142 บริษัท ในปี 2561 และในครึ่งปีแรกของปี 2561 ธุรกิจ startups ด้าน Fintech เติบโตขึ้นถึง 33% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 สําหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ธุรกิจนี้เติบโตขึ้น 9% และในครึ่งแรกของปี 2562 ธุรกิจ Fintech นี้ เติบโตสูงถึง 17% ซึ่งถือเป็นภาคธุรกิจที่เติบโตสูงสุดในดูไบ เมื่อเทียบกับธุรกิจในภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ในครึ่งแรกของปี 2563 คาดว่าธุรกิจ Fintech ในยูเออีจะเติบโตขึ้นอีกมาก โดยในภูมิภาคนี้ยูเออีเป็นผู้นําในตลาด Fintech ที่ประเทศต่าง ๆ กําลังแข่งขันเพื่อพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจจะใช้ AI ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุน และจะมีการใช้ AI ในธุรกิจของตนมากขึ้น โดยเน้นพฤติกรรมของผู้บริโภค และจะมีการเพิ่มการใช้ระบบ cloud ให้เป็น platform ในระดับโลก.
[su_spacer]
นโยบายการสนับสนุน Startups ด้าน Fintech ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากกระทรวงเศรษฐกิจ ของดูไบ โดยเฉพาะหน่วยงานหรือองค์กรภาครัฐ เช่น Smart Dubai, Dubai Technology Entrepreneur Campus (Dtec), Dubai International Financial Centre (DIFC) รวมทั้งภาคการธนาคารของดูไบและยูเออี นโยบายการสนับสนุน Fintech ของดูไบ ประสบความสําเร็จมากจากนโยบายการผ่อนคลายความเคลื่อนไหวทางการเงินข้ามพรมแดนโดยไม่มีข้อจํากัดต่าง ๆ ทําให้ระบบการชําระเงินเป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยข้อมูลและเรื่องความมั่นคงของระบบ Fintech เป็นแกนกลางสําคัญของระบบเหล่านี้ การใช้เทคโนโลยีด้าน Big data AI และ Block chain มีส่วนสําคัญที่ทําให้ธุรกิจ Startups ในด้านนี้เติบโตมาก โดยบริษัทเหล่านี้ในดูไบยังคงโฟกัสในการใช้ AI ขับเคลื่อนนวัตกรรมต่าง ๆ
[su_spacer]
นาย Mark Chahwan CEO และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Sanwa กล่าวว่า ยูเออีมีโครงสร้างพื้นฐานที่ เหมาะสมต่อการบูมของธุรกิจด้าน Fintech ด้วยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน และการสร้างปัจจัยที่เอื้ออํานวยต่อการใช้คนจากทั่วโลกมาเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจ Startups ด้าน Fintech ให้เป็นผู้นําของตลาดในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากดูไบและยูเออี เป็นจุดศูนย์กลางด้านการเงินในภูมิภาค ทําให้ธุรกิจ Fintech ประสบความสําเร็จด้วยความร่วมมือกับภาคธนาคารและการเงินอย่างใกล้ชิด และเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่า’ผู้ประกอบการ สถาบัน และ ผู้ควมคุมกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลดูไบและยูเออียังคงทํางานอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงสิ่งดึงดูดใจในการลงทุนเพื่อสนับสนุน Startups เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยเฉพาะการทําให้การจัดตั้งธุรกิจให้ยูเออีเป็นไปโดยง่ายที่สุดและให้มีต้นทุนต่ำลงเรื่อยๆ ด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีผลบวกต่อการลงทุนของ Startups คือการเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการครองชีพสูง มีรายได้ต่อหัวสูงและมีการใช้มือถือ อีกทั้ง การแพร่กระจายของสัญญาณสําหรับข้อมูลในประเทศได้เป็นอย่างดี
[su_spacer]
นาย Philip Bahoshy CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท Magnit กล่าวว่ารัฐบาลยูเออีได้มีข้อริเริ่มต่าง ๆ มากมาย เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการด้านนี้ เช่น การตั้ง Fintech Hive และจัดตั้งกองทุน Fintech Fund ใน DIFC มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมี regulatory sand box ซึ่งตั้งโดย Abu Dhabi Global Market (ADGM) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินที่สําคัญของประเทศและภูมิภาคอยู่ที่เกาะ AI Maryah กรุงอาบูดาบี และ Dubai Financial Services Authority (DFSA) ซึ่งอยู่ในเขต Financial Free Zone ซึ่งควบคุมและดูเลบริษัทด้านการเงิน 624 บริษัท และองค์กรการเงิน 490 แห่ง รวมทั้งองค์กรผู้ตรวจสอบบัญชีที่จดทะเบียนกับรัฐเป็นจํานวนมาก ซึ่งถือเป็น regulator ที่สําคัญในด้านการเงินในดูไบ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการเร่งรัดพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้าน Fintech ในยูเออี.
[su_spacer]
นอกจากนี้ ดูไบยังเป็นจุดศูนย์กลางทางธุรกิจที่สําคัญในภูมิภาค ซึ่งเป็นที่ตั้งของสํานักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติมากมายในประเทศและภูมิภาค ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยเอื้ออํานวยต่อการเติบโตของธุรกิจ Startups ด้าน Fintech ในภูมิภาค นอกจากธุรกิจ Fintech ในยูเออีจะมีชื่อเสียงในภูมิภาคตะวันออกกลางแล้ว ยูเออียังเป็นที่สนใจโดยนาย Michael O’Loughlin รองประธานบริษัท Token ซึ่งเป็นบริษัท Solution ในระดับโลกมีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร ยังได้ยกย่องยูเออีในด้านปฏิวัติองค์การอุตสาหกรรมการเงินในระดับโลก โดยแนวคิดก้าวไปข้างหน้า และเป็นตัวอย่างให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอีกด้วย
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ