เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 นาย Peter Feldmann นายกเทศมนตรี นครแฟรงก์เฟิร์ต พร้อมด้วย นาย Uwe Becker เทศมนตรี นครแฟรงก์เฟิร์ต นาง Rosemarie Heilig สมาชิกสภานครแฟรงก์เฟิร์ต และนาย Mike Josef สมาชิกสภา นครแฟรงก์เฟิร์ต ร่วมกันแถลงยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองแบบบูรณาการในปี ค.ศ. 2030 (Integrierten Stadtentwicklungskonzepts-ISTEK) ตามที่สภานครแฟรงก์เฟิร์ตได้มีมติให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2562ที่ผ่านมา
[su_spacer]
โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเป็นกรอบที่ใช้ในการวางกลยุทธ์สําหรับการพัฒนาเมืองในระยะกลาง ซึ่งผู้ปฏิบัติงานในนครแฟรงค์เฟิร์ตทุกฝ่ายจําเป็นต้องทํางานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่กําหนดไว้ และในอนาคต จะต้องนํายุทธศาสตร์ดังกล่าวเข้ามาอยู่ในแผนการพัฒนาเมืองด้วย ทั้งนี้ เมืองจะเริ่มดําเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่ปรากฏ อยู่ในยุทธศาสตร์ ISTEK ให้สําเร็จลุล่วงโดยเร็ว
[su_spacer]
นาย Peter Feldmann นายกเทศมนตรีนครแฟรงก์เฟิร์ต กล่าวว่า การก่อสร้างและการบํารุงรักษาที่พักอาศัยให้มีราคาถูกเป็น ความท้าทายหลักของนครแฟรงก์เฟิร์ต เพื่อให้นครแฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองสําหรับทุกคนและเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่ สามารถแบกรับภาระค่าครองชีพได้ รวมทั้งมีคุณภาพสําหรับผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรกับประชาชน นอกจากนี้ การก่อสร้างที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และต้องสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมีแนวคิดการพัฒนาเมืองแบบผสมผสาน จะต้องได้รับการพัฒนาภายใต้แนวทางเหล่านี้ ทั้งนี้ได้มีการคาดว่าจะสามารถก่อสร้าง ที่พักอาศัยราคาประหยัดเพิ่มขึ้นได้ 70,000 ถึง 90,000 หน่วย ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา สภานครแฟรงก์เฟิร์ตได้อนุมัติการ สร้างอาคาร/ที่พักอาศัยมากกว่า 7,000 หน่วย ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ตั้งแต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
[su_spacer]
นาย Uwe Becker เทศมนตรี นครแฟรงก์เฟิร์ต มีความเห็นว่า นครแฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองที่กําลังขยายตัว จึงต้องใช้ พื้นที่ เพิ่มมากขึ้น สําหรับการอยู่อาศัย การประกอบธุรกิจ การพักผ่อนและสันทนาการ ดังนั้น การพัฒนาเมืองในอนาคตจึงจําเป็นต้องสร้าง ความสมดุลระหว่าง พื้นที่ สําหรับสิ่งปลูกสร้างและ พื้นที่โล่ง โดยต้องคํานึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย อย่างไรก็ดี พื้นที่ทางการค้าและ อก. ยังคงมีความสําคัญอย่างมาก โดยนครแฟรงก์เฟิร์ตจําเป็นต้องคงไว้ซึ่งการมี โครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่หลากหลาย มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ได้มาซึ่งระดับรายได้พื้นฐานที่จําเป็น และสามารถรักษา ตําแหน่งงานไว้ได้
[su_spacer]
สมาชิกสภานครแฟรงก์เฟิร์ต กล่าวเสริม เรื่องการคํานึงถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศว่า การวางผังเมืองจําเป็นต้องคํานึงถึงเรื่องสภาพแวดล้อมด้วย โดยเน้นย้ำว่า การขยายตัวของเมืองจะต้องควบคู่ไปกับการเพิ่ม พื้นที่สีเขียวที่สมดุลกัน อีกทั้งยังต้องคํานึงถึงประโยชน์ใช้สอยในระยะยาวและทําลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทําได้ รวมทั้งควรมีการพัฒนาแนวคิดในการปกป้องสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ พื้นที่ในเขตเมืองใหม่ จําเป็นต้องมีระบบน้ำประปาและการใช้พลังงานทดแทน ที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของเมือง อีกด้วย กล่าวคือจะต้องใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 100% ภายในปี ค.ศ. 2050 นอกจากนี้ ยังให้ความสําคัญกับการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสังคมและ สภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการวางแผนการตั้งถิ่นฐาน การออกแบบเมืองจาก พท. สาธารณะ และการปกป้อง พท. วงแหวนสีเขียว (Greenbelt) โดยนครแฟรงก์เฟิร์ตจะยังคงพัฒนาต่อไปในอีก 100 ปีข้างหน้า จึงจําเป็นต้องพัฒนาเมือง ด้วยความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองแบบบูรณาการในปี ค.ศ. 2030+ (ISTEK) ที่เป็นกลยุทธ์ในการพัฒนานครแฟรงก์เฟิร์ตเพื่อการอยู่ร่วมกันในอนาคต
[su_spacer]
โดยแนวคิด ISTEK ได้กําหนดกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาไว้ 6 แนวทาง ได้แก่ (1) นครแฟรงก์เฟิร์ตสําหรับ ทุกคน (2) การเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่มีความตื่นตัว (3) นครแฟรงก์เฟิร์ตที่เป็นมากกว่าเมือง (4) นครแฟรงก์เฟิร์ตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ (5) ความเป็นเมืองของเขตชนบท และ (6) การพัฒนาเมืองเป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกฝ่าย
[su_spacer]
ซึ่งนอกจากแนวคิด ISTEK แล้ว เมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา นครแฟรงก์เฟิร์ตยังได้ก่อตั้ง “TechQuatier” ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในแผนงานหลักของรัฐเฮสเซ็นในการผลักดันให้นครแฟรงก์เฟิร์ตรวมถึงเมืองต่าง ๆ ที่บริเวณ ลุ่มแม่น้ำไรน์และแม่น้ำไมน์ (Frankfurt Rhine-Main) เป็นศูนย์กลางด้าน Fintech ชั้นนําของยุโรปภายในเวลา 5 ปี ตามแผนงานที่ได้ประกาศไว้เมื่อ กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2018 โดย“TechQuatier” มีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้าง “Community to trade ideas” และมีทีมงานที่ประกอบไปด้วยกลุ่ม Startup จากหลากหลายสาขาธุรกิจจํานวน 30 ราย และ มหาวิทยาลัย 5 แห่ง นอกจากนี้ “TechQuatier” ยังทํางานร่วมกับเครือข่าย Plug and Play ของ Silicon Valley ซึ่ง เป็นเครือข่าย Startup-Accelerator ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และขณะนี้อยู่ระหว่างดําเนินโครงการสร้าง“Multi-Corporate Innovation Platform” ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย
[su_spacer]
เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา “TechQuatier” ได้สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ ชื่อ techobserver.org เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานให้กับกลุ่ม Startup ซึ่งส่วนใหญ่เป็นด้าน Fintech/ Blockchain และ Cyber Security เสริมสร้างระบบนิเวศที่ประกอบไปด้วยหลายภาคส่วน อาทิ นักลงทุน บริษัทคู่ค้า มหาวิทยาลัยต่าง ๆ และ Co-Working Spaces เป็นต้น และเพิ่มบทบาทของ Startup ในนครแฟรงก์เฟิร์ตให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โดยที่เขตนครแฟรงก์เฟิร์ตและลุ่มแม่น้ำไรน์ไมน์ ถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สําคัญของการคมนาคมในสหพันธ์ฯ และมี ความสําคัญด้านการเงินและการเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงมีความพร้อม สําหรับการสร้างระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพให้กับกลุ่ม Startup ได้
[su_spacer]
ซึ่ง The Institute for Financial Services Zug (IFZ) จากสวิตเซอร์แลนด์ จัดอันดับให้นครแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเมืองศูนย์กลางด้าน Fintech ลําดับที่ 11 ของโลก ซึ่งเป็น ลําดับที่ดีที่สุดของสหพันธ์ฯ และลําดับที่ 6 ของยุโรป เมื่อปี 2018ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บริษัท ด้าน Fintech ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ยังคงประสบปัญหาด้าน ความสามารถในการระดมทุนที่อยู่ในระดับต่ํากว่า บริษัท ในกรุงเบอร์ลิน นครฮัมบูร์ก และนครมิวนิก อยู่ ค่อนข้างมาก
[su_spacer]
การที่ผู้บริหารนครแฟรงก์เฟิร์ตให้ความสําคัญกับการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนานครแฟรงก์เฟิร์ตอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อให้นครแฟรงก์เฟิร์ตมีความเจริญทัดเทียมกับเมืองสําคัญต่าง ๆ ของโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการจัด อันดับในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านคุณภาพชีวิต และ เศรษฐกิจ ที่นครแฟรงก์เฟิร์ตติดอยู่ใน 50 ลําดับแรกของโลกในเกือบ ทุก index
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต