สำนักงานการท่องเที่ยวเช็ก (CzechTourism) ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยว และทิศทางนโยบายด้านการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็กภายหลังการเข้ารับตําแหน่งของ Mr. Jan Harget กรรมการ ผู้จัดการ CzechTourism คนใหม่นั้น สาระสําคัญของนโยบายด้านการท่องเที่ยวของเช็ก ดังนี้
[su_spacer]
ภาพรวมการท่องเที่ยวของเช็ก
ในปี ค.ศ. 2018 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่เช็ก กว่า 11 ล้านคน ในจํานวน ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเยอรมนี (ประมาณ 2ล้านคน) และมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวจากยุโรปจะมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีโดยปัจจัยสําคัญเป็นเพราะเช็กเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในเขตเชงเกน (border free Schengen area) ซึ่งทําให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้า-ออกเช็กและประเทศ ในเขตเชงเกนได้โดยสะดวก
หากพิจารณาถึงนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาคยุโรป ภูมิภาคเอเชียนับเป็นตลาดที่มีพลวัตรสูง เนื่องจากในช่วงสามปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเอเชียเดินทางมายังเช็กเพิ่มมากขึ้นกว่า 10%โดย นักท่องเที่ยวเอเชียส่วนใหญ่ชื่น ชอบสถาปัตยกรรมอันสวยงามดังเทพนิยายของเช็ก (fairy-tale architecture) และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวเอเชียมักจะใช้เวลาท่องเที่ยวในเช็กน้อยกว่านักท่องเที่ยวยุโรป ในขณะที่ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางมัก ใช้เวลาพํานักอยู่ในเซ็กค่อนข้างนาน เนื่องจากนิยมไปท่องเที่ยวตามเมืองสปาแบบดั้งเดิมของเช็กในแถบภูมิภาค โบฮีเมียที่สืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนถึง ปัจจุบันซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้เคยเป็นเมืองสําหรับการแปร พระราชฐานของพระราชวงศ์อังกฤษและรัสเซียในอดีต นอกจากนี้ นักท่องเที่ยว จากสหราชอาณาจักรและรัสเซียยังเป็น นักท่องเที่ยวที่มีจํานวน เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นกลุ่มตลาด นักท่องเที่ยว หลักของเช็กในปัจจุบัน
[su_spacer]
นโยบายและทิศทางด้านการท่องเที่ยวเช็ก
ปัจจุบัน เช็กกําลังดําเนินการเพื่อปรับโครงสร้างหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวโดยพยายามสร้าง ความร่วมมือและบูรณการการทํางานระหว่างหน่วยงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว การลงทุน และ การค้า ภายใต้กรอบการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรมแห่งชาติ ค.ศ. 2019 – 2030 โดยมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการด้านการตลาด การจัดกิจกรรมที่เหมาะสมสําหรับ นักท่องเที่ยว และสามารถกําหนดทิศทางและนโยบาย การพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวเช็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาระดับการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวของ ประเทศ ซึ่งใน ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้สูงกว่าอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศแล้ว
[su_spacer]
ในขณะเดียวกันเพื่อขยายตลาดและรองรับ นักท่องเที่ยวจากทวีปต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวจากอินเดียและออสเตรเลีย ซึ่งมีจํานวนสูงถึง 95,000 คน และ 86,000 ตามลําดับในปี ค.ศ. 2018 เช็กได้หันมาให้ความสําคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่เน้นการเดินทางเพียงลําพัง (flexible independent traveler) รวมถึงนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวที่เดินทางพร้อมกับเด็ก และยังมุ่งเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ ๆ ไปยังประเทศ ที่เป็นตลาด นักท่องเที่ยว ที่สําคัญของเช็ก เช่น สหราชอาณาจักร ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย ยุโรปตะวันออก และกลุ่มประเทศ CIS
[su_spacer]
สําหรับปี ค.ศ. 2019 นโยบายด้านการท่องเที่ยวที่สําคัญของเช็กคือ การดึงดูด นักท่องเที่ยวให้หันไปสู่ การท่องเที่ยวในเมือง/ภูมิภาคที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักภายใต้นโยบาย“Unexplored touristic gems” เพื่อส่งเสริมการ ท่องเที่ยวในเมืองรองซึ่งมีมากกว่า 39 แห่งทั่วประเทศ โดยเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปยังโบราณสถาน ปราสาท โบสถ์ และมรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคโมราเวีย ในขณะเดียวกัน CzechTourism ยังให้ความสําคัญกับการ พัฒนาการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ/สปา การท่องเที่ยวเชิง กีฬาตามฤดูกาล (การเล่นสกีในฤดูหนาว การปั่นจักรยานในฤดูร้อน) และการท่องเที่ยวเพื่อการประชุม (MICE) โดยเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาสถานที่สําคัญของเช็ก จํานวน 2 แห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO คือ (1) Erzgebirge/Krusnohori Mining Region ซึ่งเป็นพื้นบริเวณ ตะวันตก/เหนือของเช็กที่ติดกับแคว้น Saxony ของ เยอรมนีที่ที่มีการทําเหมืองแร่เงิน ดีบุก และยูเรเนียมตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษที่ 20 จนนับเป็นศูนย์กลางแห่ง การบุกเบิกด้านการบริหารจัดการน้ำการนํานวัตกรรมมาใช้ในการทําเหมืองและถลุงแร่ และ (2) Kladruby Landscape ซึ่งเป็นพื้นที่บนที่ราบ EIbe สําหรับเพาะพันธุ์และฝึกม้าสายพันธุ์ Kladruber ซึ่งเป็นม้าที่ใช้ในพระราช พิธีสําคัญของราชวงศ์ Habsburg ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1579 และใน ปจบ. เป็นที่ตั้งของสถาบันชั้นนําในด้านการเพาะพันธุ์ ม้าที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ซึ่งสถานที่สําคัญในลักษณะดังกล่าวนี้ จะถูกนําเสนอให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ของประเทศนอกจากนั้น เมืองที่เคยเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมจะได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว โดยการจัดเทศกาลต่าง ๆ เช่น Colours of Ostrava ส่วนภูมิภาคโบฮีเมียและโมราเวียจะมีการขยายเครือข่ายและ เส้นทางการปั่นจักรยาน ลู่วิ่งและทางเดิน และมีแผนที่จะจัดตลาดคริสมาสต์ที่เมือง Brno และ OlomouC ด้วย
[su_spacer]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก