เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2562 นาย Andrew Little รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนิวซีแลนด์ ประกาศร่างกฎหมายยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชาของนิวซีแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า “2020 Cannabis” พร้อมทั้งระบุแนวทางการตั้งคําถามสําหรับการออกเสียงประชามติ ซึ่ง คณะรัฐมนตรีนิวซีแลนด์มีมติให้ทําพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2563
สำหรับภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นผลมาจากภายหลังที่รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของชาวนิวซีแลนด์อันเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (Alcohol and other Drug Issues : AOD) อาทิ พฤติกรรมและค่านิยมต่อการดื่มสุราและเสพยาเสพติด สถิติจํานวนอุบัติเหตุ สถิติจํานวนผู้ป่วย และสถิติจํานวนอาชญากรรม โดยรายงานของ Office of the Prime Minister’s Chief Science Advisor พบว่าร้อยละ 12 ของชาวนิวซีแลนด์ กําลังเผชิญปัญหาสุขภาพจากสารเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี เคยทดลองเสพกัญชามาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง และข้อมูลโดยกระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์พบว่านิวซีแลนด์มีสถิติผู้ติดยาเสพติดอยู่เป็นจํานวนมาก ซึ่งร้อยละ 44 ของชาวนิวซีแลนด์เคยเสพยาเสพติด และ 1 ใน 13 คนของชาวนิวซีแลนด์เสพกัญชาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
[su_spacer]
รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้เล็งเห็นผลกระทบต่อสุขภาพและชุมชนในระยะยาว จึงได้ปฏิรูปนโยบายยาแห่งชาติปี ค.ศ. 2015 – 2020 (National Drug Policy 2015 to 2020) โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณผู้ที่ติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ รวมถึงป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งร่างกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชานั้น เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักภายใต้นโยบายยาแห่งชาติดังกล่าว โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้เริ่มดําเนินการมาตั้งแต่ปี 2558
[su_spacer]
รัฐบาลนิวซีแลนด์เชื่อมั่นว่าจะสามารถลดปริมาณผู้บริโภคและผู้ผลิตในนิวซีแลนด์ได้ หากสามารถควบคุมและกํากับดูแลระบบของยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชา (Government-Controlled regulated market) โดยให้มีการลงทะเบียนหรือการออกใบอนุญาตทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การกําหนดปริมาณการผลิต ผู้ผลิต แหล่งที่มาของเมล็ดพันธุ์ เพื่อควบคุมคุณภาพและความรุนแรงของสารเสพติด รวมถึงผู้เสพ วิธีการ และสถานที่สําหรับการบริโภค
[su_spacer]
ในระยะแรก รัฐบาลนิวซีแลนด์มีเป้าหมายเพื่อลดจํานวนผู้เสพและผู้จําหน่ายกัญชาในตลาดมืดเป็นสําคัญ สําหรับแผนในระยะยาวได้กําหนดเป้าหมายเพื่อลดจํานวนผู้เสพกลุ่มเยาวชน และเพิ่มอายุเฉลี่ยของผู้เสพให้มากขึ้นต่อไป
[su_spacer]
รัฐบาลนิวซีแลนด์จะดําเนินการตามเป้าหมายข้างต้นควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาการใช้กัญชาสําหรับทางการแพทย์ ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมยาจํานวน 2.5 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ และมีเป้าหมายเป็น Suppliers หลักของโลกในอนาคต
[su_spacer]
สาระสําคัญของแนวทางของร่างกฎหมายยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชา ได้แก่
[su_spacer]
-
เกณฑ์อายุของผู้เสพจะต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สามารถซื้อ/เสพกัญชาได้ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวได้อ้างอิงจากผลของงานทางวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผลกระทบและอันตรายของกัญชาต่อระบบสมองและสุขภาพของคนในวัยต่าง ๆ หรือผลกระทบต่อพัฒนาการด้านการเรียนของเด็กช่วงอายุที่แตกต่างกัน
-
ประเภทและลักษณะของกัญชาที่สามารถซื้อ-ขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ กัญชาสด เรซินหรือน้ำมันกัญชา และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา
-
การบริโภค บุคคลจะต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐเพื่อครอบครอง เสพ และปลูกกัญชา โดยอนุญาตให้เสพกัญชาได้ในเคหสถานส่วนบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบโดยรัฐบาลนิวซีแลนด์แล้วว่าไม่มีเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบเป็นประจํา หรือสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลนิวซีแลนด์ และไม่อนุญาตให้เสพกัญชาในพื้นที่สาธารณะ
-
การผลิตและการจําหน่าย บุคคลสามารถปลูกกัญชาสําหรับเสพเองได้ โดยจะต้องได้รับอนุญาต และจําเป็นต้องซื้อเมล็ดพันธุ์มาจากรัฐบาลนิวซีแลนด์เท่านั้น สําหรับการจําหน่าย ร้านค้าจะต้องขออนุญาตรัฐบาลนิวซีแลนด์สําหรับผลิตเพื่อจําหน่าย และไม่อนุญาตให้มีการจําหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ นอกเหนือจาก physical store หรือร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง
-
ร่างกฎหมายยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชามีกําหนดเสร็จสิ้นภายใน มี.ค. ค.ศ. 2020 เพื่อเผยแพร่ก่อนการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นในปีเดียวกัน
[su_spacer]
ทั้งนี้ สำหรับความเห็นของชาวนิวซีแลนด์ และปฏิกิริยาของฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายดังกล่าว จากผลสํารวจในช่วงเดือน พ.ค. 2562 (หลังจากที่นาย Andrew ประกาศยืนยันการออกเสียงประชามติ) โดย Drug Foundation สํานักพิมพ์ Newshub และ Horizon พบว่าร้อยละ 52 ถึง 65 ของชาวนิวซีแลนด์ สนับสนุนกฎหมายดังกล่าว และมีบางส่วนที่เห็นด้วยเฉพาะการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อเป็นประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษาผู้ป่วยเท่านั้น
[su_spacer]
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2562 สํานักพิมพ์ NZ Herald ได้ให้ข้อมูลผลสํารวจของ 1 NEWS Colmar Brunton Poll ซึ่งทําการสํารวจ 1 เดือนหลังจากมีการประกาศร่างกฎหมายฯ พบว่ามีชาวนิวซีแลนด์เพียงร้อยละ 39 เท่านั้นที่ยังคงสนับสนุนกฎหมายฯ ดังกล่าวอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่อายุ 18-34 ปีหรือผู้สนับสนุนพรรค Greens (พรรคร่วมรัฐบาลที่ริเริ่มเสนอกฎหมายฯ) ในขณะที่ร้อยละ 52 ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งกฎหมายฯ ซึ่งให้เหตุผลว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์ควรให้ความสําคัญในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ระบบการจัดเก็บภาษี หรือการคุ้มครองสิทธิแรงงานมากกว่า
[su_spacer]
มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่าเหตุผลและความจําเป็นของการกําหนดนโยบายของรัฐบาลนิวซีแลนด์ดังกล่าวคือ ผลจากการศึกษาของงานวิจัยและข้อมูลทางสถิติเป็นสําคัญ ประกอบกับการพิจารณาและการศึกษาพฤติกรรมและค่านิยมของซาว นิวซีแลนด์ที่มีต่อยาเสพติดประเภทกัญชาและสุราที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มเห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นเพียงนโยบายประชานิยมของพรรค Greens เท่านั้น นอกจากนี้ กรณีดังกล่าวของนิวซีแลนด์ เกิดขึ้นใกล้เคียงกับกรณีของแคนาดาที่พบว่า 1 ปีหลังจากที่แคนาดาประกาศใช้ พ.ร.บ. กัญชา “Cannabis Act” ซึ่งอนุญาตให้บุคคลสามารถใช้กัญชาสําหรับผ่อนคลายหรือสันทนาการได้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2561 นั้น มีจํานวนเยาวชนหันมาเสพกัญชาเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว
[su_spacer]
ทั้งนี้ แนวทางและกระบวนการทางกฎหมายและการกําหนดนโยบายเพื่อลงประชามติ รวมถึงร่างกฎหมายยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชาของนิวซีแลนด์ ตามมติคณะรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2562 ได้เผยแพร่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ https://www.beehive.govt.nz/releases
[su_spacer]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน