ผลสำรวจของสถาบันวิจัยการค้า (Institute for Trade Research – IFH) เมืองโคโลญ คาดว่า ธุรกิจออนไลน์สร้างความกดดันให้กับธุรกิจร้านค้าปลีกอย่างต่อเนื่องโดยร้านค้าปลีกในรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน อาจปิดกิจการลงจำนวน 13,000 – 20,000 ร้าน ในปี ค.ศ. 2030 จากที่มีอยู่ประมาณ 110,000 ร้าน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 1 ต่อ 5 ของจำนวนร้านค้าปลีกรวมในสหพันธ์ ฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นประมาณ 30% ของมูลค่าร้านค้าปลีกในสหพันธ์ ฯ ทั้งนี้ สินค้าที่นิยมซื้อขายออนไลน์ในปัจจุบัน ได้แก่ สินค้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์ แฟชั่น (เสื้อผ้าและเครื่องประดับ) เครื่องสําอาง เครื่องใช้ส่วนตัว อาหาร วิตามิน และอาหารเสริม
[su_spacer]
ซึ่งจากผลกระทบดังกล่าว นอกจากสินค้าประเภทอาหารและสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจําวัน ร้านค้าปลีกต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลที่ตั้งของร้านที่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าในเมืองใหญ่ ๆ ประกอบกับการปรับรูปแบบของสินค้าให้สอดคล้องกับผู้บริโภคในอนาคต เนื่องจากผู้บริโภคในอนาคตมีวิธีเลือกจับจ่ายซื้อสินค้าระหว่างรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ รวมทั้งแนวคิดในการเลือกซื้อสิ่งของเครื่องใช้ประจําวันกับการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เข้าด้วยกัน ซึ่งนาย Frank Rehme จากโครงการ “futurecitylangenfeld” ให้ความเห็นว่า กลุ่มลูกค้าในอนาคตจะไม่เข้าศูนย์การค้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการซื้อของใช้ในชีวิตประจําวันอย่างเดียว แต่จะเป็นการใช้เวลาว่างไปด้วยในคราวเดียวกัน ทำให้ร้านค้าปลีกต้องจัดหาวิธีการนําเสนอในรูปแบบของสินค้าที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และการตั้งทำเลร้านค้าในใจกลางเมืองจะต้องมีการดึงดูดผู้คนที่เดินทางเข้ามา เช่น การมีบริการด้านคมนาคมที่สะดวก การมีพื้นที่สีเขียว และสิ่งสําคัญที่สุดคือการมีร้านค้าที่หลากหลายและน่าสนใจ โดยเฉพาะร้านค้าปลีกเล็ก ๆ ควรมีสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ร้านพัฒนาขึ้นเองและไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
[su_spacer]
นาย Andreas Pinkwart รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ซึ่งเป็นผู้มอบหมายให้ IFH สํารวจธุรกิจร้านค้าปลีกเชื่อมั่นว่า ในปี ค.ศ. 2030 ผู้คนจะยังคงออกไปจับจ่ายซื้อของในใจกลางเมืองอยู่ โดยร้านค้าบางร้านอาจหายไปแต่จะมีร้านค้าใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน จึงไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ควรหาวิธีดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงมากว่า
[su_spacer]
ด้าน นาย Stephan Fanderl ประธานกลุ่มห้างสรรพสินค้า Galeria Karstadt Kaufhof ซึ่งเป็นบริษัทที่ดําเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่สําคัญของสหพันธ์ฯ กล่าวว่า ความสําเร็จของห้าง ฯ ขึ้นอยู่กับการทําให้ใจกลางเมืองมีเสน่ห์และมีความน่าสนใจ ซึ่งต้องดําเนินมาตรการเพื่อรักษาจํานวนผู้คนให้เดินทางเข้ามาในตัวเมืองอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ความร่วมมือของทุกฝ่ายในการดําเนินมาตรการต่าง ๆ ร่วมกันจึงเป็นสิ่งจําเป็น
[su_spacer]
ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์ในสหพันธ์ฯ มีการขยายตัวในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ร้านค้าปลีกต่าง ๆ จึงต้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับการการค้าไร้พรมแดนในรูปแบบใหม่ เพื่อให้สามารถดํารงกิจการต่อไปได้ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ได้เริ่มขึ้นในทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกมีต้นทุนสูงที่มีสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาว ควรจะตกแต่งร้านค้าให้ดึงดูดอยู่เสมอและต้องมีสินค้าคงคลังให้เพียงพอต่อการจําหน่าย อีกทั้งธุรกิจค้าปลีกต้องพิจารณาใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยในการบริหารจัดการมากขึ้น อาทิ การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) การตรวจสอบสินค้าคงคลัง การสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตออนไลน์ การขายสินค้าและการทําการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า เป้าหมายและพฤติกรรมการบริโภค เป็นต้น
[su_spacer]
นอกเหนือไปจากการใช้เทคโนโลยี ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับกลยุทธ์ในการดําเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับ ลักษณะการบริโภคของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ การสร้างความแตกต่างของสินค้า การผลิตเฉพาะกลุ่มลูกค้า (niche market) รักษาคุณภาพหรือพัฒนาคุณภาพของสินค้า การกําหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย คุณภาพการบริการและการบริการหลังการขาย รวมทั้ง การลดต้นทุนโดยลดปริมาณจํานวนสาขาของร้านลง และคงไว้เฉพาะสาขาที่อยู่ในทําเลที่ดี (prime location) เท่านั้น
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต