“อุตสาหกรรม 5G ในนครเซี่ยงไฮ้” กล่าวถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในอุตสาหกรรม ต่าง ๆ ในนครเซี่ยงไฮ้ อาทิ (1) อุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยการทดลองใช้เครือข่าย 5G ครั้งแรกของจีน
(2) การคมนาคมขนส่ง โดยการเปิดตัวสถานีรถไฟ 5G แห่งแรกของโลก (3) อุตสาหกรรมการแพทย์ โดยใช้เทคโนโลยี 5G ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ รักษาแบบฉุกเฉิน (4) อุตสาหกรรมการศึกษา นําร่องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในจีนที่ใช้เครือข่าย 5G เพื่อช่วยส่งเสริมการเรียน การสอน และการค้นคว้าวิจัย และ (5) อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์อัจฉริยะ”
[su_spacer]
นครเซี่ยงไฮ้ในฐานะผู้บุกเบิกการปฏิรูปและการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน ได้ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางของโลกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Global center for technology and innovation) ภายในปี 2563 ทําให้นครเซี่ยงไฮ้ไม่หยุดนิ่งและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนครเซี่ยงไฮ้ได้เป็นเมืองนําร่อง อันดับต้น ๆ ของจีนที่เริ่มก้าวเข้าสู่ยุค 5G โดยการประยุกต์ใช้เครือข่าย 5G ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนี้ เขตหงโข่ว นครเซี่ยงไฮ้ ทดลองใช้เครือข่าย 5G ครั้งแรกของจีน
[su_spacer]
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขตหงโข่ว นครเซี่ยงไฮ้ ร่วมกับบริษัท China Mobile Communications ได้ทดลอง ใช้เครือข่าย 5G ครั้งแรกของจีน ซึ่งมีความเร็ว 1กิกะไบต์ และ เป็นหนึ่งในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดในโลก โดยนายจาง เจี้ยนหมิง รองผู้อํานวยการ คณะกรรมการเศรษฐกิจและ สารสนเทศนครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Municipal Commission of Economy and Informatization) ระบุว่า เขตหงโข่วจะมีการ จัดตั้งสถานี 5G จํานวน 10,000 สถานี ภายในสิ้นปี 2562 และจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น30,000 สถานีทั่วนครเซี่ยงไฮ้ภายในปี 2564
[su_spacer]
เครือข่าย 5G จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการผลิตและด้านยานยนต์อัจฉริยะ การรักษาทางการแพทย์ระยะไกล การจัดการชุมชนเมือง และการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศที่เร็วรวดมากขึ้น ทั้งนี้ จีนจะเริ่มออกใบอนุญาต 5G หลังจากปีนี้ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเครือข่าย 5G ทั่วประเทศ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง เครือข่ายได้ด้วยซิมการ์ดของเบอร์โทรศัพท์มือถือตนเอง และต้องเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่รองรับ 5G ด้วย
[su_spacer]
โรงพยาบาล 5G ในนครเซี่ยงไฮ้
[su_spacer]
โรงพยาบาล Shanghai General ได้ตกลงร่วมมือกับบริษัท China Mobile Communications สาขานครเซี่ยงไฮ้ในการก่อตั้งศูนย์ รักษาพยาบาล 5G เมื่อเดือนมีนาคม2562 ที่ผ่านมา เทคโนโลยี 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านการบริการ การติดตามการรักษา การศึกษา การสื่อสาร การให้คําปรึกษาระยะไกล และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G ยังช่วยในการ สื่อสารระหว่างแพทย์ในรถฉุกเฉินกับทางโรงพยาบาลและการส่งข้อมูล ของผู้ป่วยแม้จะยังอยู่บนรถฉุกเฉิน สามารถการเข้าถึงข้อมูลการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบ ณ ขณะนั้น และการส่งภาพ ได้อย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที จะเห็นได้ว่าการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินนั้น “ทุกวินาที คือชีวิต” ซึ่งเมื่อเทคโนโลยี 5G เข้ามามีบทบาทในการแพทย์มากขึ้น ก็จะส่งผลให้การรักษามีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้นด้วยเช่นกัน
[su_spacer]
มหาวิทยาลัย 5G แห่งแรกในจีน
[su_spacer]
มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ นครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai University of Engineering Science) เป็นมหาวิทยาลัย แห่งแรกในจีนที่ใช้เครือข่าย 5G เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยฯ ได้ตกลงร่วมมือ กับบริษัท China Unicom สาขานครเซี่ยงไฮ้ ในด้านการศึกษา การ | ค้นคว้าวิจัย และการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 5G และใช้เวลา 4 เดือน ในการติดตั้งเครือข่าย 5G ครอบคลุมพื้นที่การเรียนการสอนและ พื้นที่การวิจัยหลักของมหาวิทยาลัย อีกทั้งมีห้องปฏิบัติการที่นําเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมในด้าน (1) ปัญญาประดิษฐ์ (2) การเข้าและถอดรหัสวีดิโอความละเอียดสูงพิเศษ (3) การคุ้มครองลิขสิทธิ์ดิจิทัล และ (4) Big data ในเครือข่าย 5G และส่งเสริมความสามารถในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฯ ยังตั้งเป้าที่จะใช้เครือข่าย 5G ในการสร้างวิทยาเขตอัจฉริยะ ซึ่งประกอบด้วยห้องสมุดและห้องเรียน 5G อีกด้วย
[su_spacer]
5G ในอุตสาหกรรมรถยนต์จีน
[su_spacer]
เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศเข้าสู่ยุคที่ ยานพาหนะเชื่อมต่อกับระบบอัจฉริยะ และการพัฒนาเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ โดยในงาน Mobile World Conference ที่จัดขึ้น ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท Zhejiang Geely Holding Group ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ได้ ประกาศความร่วมมือครั้งสําคัญในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ กับบริษัท Qualcomm ของสหรัฐฯ และ บริษัท Gosuncn Technology Group ของจีน ในการผลิตรถยนต์โดยใช้ 5G ร่วมกับ C-V2X* เพื่อจําหน่ายสู่ตลาดในปี 2564 โดยรถยนต์รุ่นใหม่ของ บริษัท Geely เป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีการทํางานด้วยตนเองได้อย่างอิสระ (autonomous technology) ระดับที่3 ทั้งนี้ ระดับของเทคโนโลยีการทํางานด้วยตนเองได้อย่างอิสระ มีดังนี้ (1) ระดับ 2 หมายถึง “ไม่ต้องใช้มือจับ (hand off)” โดยระบบอัตโนมัติจะควบคุมยานพาหนะได้อย่างเต็มที่ แต่ผู้ขับขี่ก็ยังต้องคอย ตรวจสอบการขับขี่และเตรียมพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงทันที่ทุกเวลา (2) ระดับ 3 หมายถึง “ไม่ต้องมอง (eyes of)” โดยยานพาหนะจะจัดการกับสถานการณ์ที่ต้องการการตอบสนองทันที แต่ผู้ขับขี่ก็ยังต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้าไป แทรกแซงในบางช่วงเวลาที่จํากัด และ (3) ระดับ 5 เป็นระดับมาตรฐานสูงสุด ที่ไม่จําเป็นต้องมีการควบคุมจากมนุษย์
[su_spacer]
ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนก็กําลังพยายามส่งเสริมด้านเทคโนโลยีอยู่เช่นกัน โดยผู้ผลิตรถยนต์ แบบดั้งเดิมพยายามที่จะร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยี เพื่อพัฒนารถยนต์อัจฉริยะ อาทิ บริษัท Changan Automobile ร่วมมือกับ บริษัท Huawei เมื่อเดือนมกราคม ในการก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมสําหรับเครือข่ายรถยนต์ 5G และ เทคโนโลยี C-V2X ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าที่จะมีรถยนต์อัจฉริยะที่มีฟังก์ชันทํางานด้วยตนเองได้อย่างอิสระที่ร้อยละ 50 ของรถยนต์ใหม่ ที่จะจําหน่ายในจีนในปี2563 โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาด IDC คาดการณ์ว่า จีนจะกลายเป็นตลาด internet of things ที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2565 โดยมีรายจ่าย 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
[su_spacer]
ข้อมูลเพิ่มเติม: Cellular Vehicle-To-Everything (C-V2X) เป็นเทคโนโลยีไร้สายที่ช่วยในการสื่อสารระหว่าง ยานพาหนะ ผู้ขับขี่ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้