เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนังสือพิมพ์ The Australian ได้ลงบทความเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่นครดาร์วินและดินแดนนอร์เทิ ร์นเทอร์ริทอรี (NT) กำลังเผชิญ โดยเฉพาะปัญหาภาระหนี้สินของรั ฐที่ส่งผลให้ NT เกือบต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลาย ทั้ง ๆ ที่ลักษณะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ของนครดาร์วินอยู่ใกล้ตลาดต่ างประเทศที่สำคัญของออสเตรเลีย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคเอเชี ยตะวันออกเฉียงใต้) มากกว่านครซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน แอดิเลด โฮบาร์ต หรือเพิร์ท แต่นครดาร์วินกลับมีการพัฒนาที่ ล้าหลังเมืองหลวงของรัฐอื่น ๆ [su_spacer size=”20″]
โดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2562 รัฐบาล NT ประกาศงบประมาณประจำปี 2562 – 2563 ซึ่งแสดงให้เห็นถึ งประมาณการภาระหนี้สินภาครัฐที่ จะเพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี งบประมาณ 2563 – 2564 และ 8,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียภายในปี งบประมาณ 2565 – 2566 นอกจากนี้ ยังมีประมาณการรายจ่าย 8,400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลี ยและงบประมาณขาดดุล 1,100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปี งบประมาณ 2562 – 2563 คาดว่า การขาดดุลงบประมาณจะลดลงเหลือ 540 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียภายในปี 2565 – 2566 และงบประมาณจะกลับมาเกินดุลในอี ก 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ประมาณร้อยละ 80 ของงบประมาณ NT มาจากรัฐบาลกลางในรูปของเงินอุ ดหนุน เงินช่วยเหลือ และส่วนแบ่งจากภาษี GST [su_spacer size=”20″]
การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล NT ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้จ่ายเกิ นกว่างบประมาณที่ได้รับจั ดสรรของ หน่วยงานหลายแห่ง โดยนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา รัฐบาล NT ใช้จ่ายเกินกว่างบประมาณสูงถึง 1,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยเป็นการอนุมัติเงิ นสดนอกงบประมาณประจำปี ซึ่งไม่มีการตรวจสอบที่เหมาะสม นอกจากนี้ รายได้จากการเก็บภาษี GST ที่ลดลง และสภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ลงจากการสิ้นสุดของโครงการ Ichthys LNG ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่ ากว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียของ INPEX Australia ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และไต้หวัน) แต่กลับไม่มีมาตรการกระตุ้ นเศรษฐกิจอย่างอื่นจากรั ฐบาลในการสร้างรายได้อย่างยั่ งยืนเพื่อทดแทนโครงการดังกล่าว ส่งผลต่อการขาดดุลงบประมาณด้ วยเช่นกัน [su_spacer size=”20″]
ดังนั้น หากต้องการลดภาระหนี้ภาครัฐให้ อยู่ในระดับร้อยละ 150 ของรายได้ รัฐบาล NT จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายถึง 11,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายจะต้องไม่ เพิ่มขึ้นเป็นเวลา 3 ปี และจากนั้นจะเพิ่มขึ้นในอัตราร้ อยละ 3 เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาล NT ไม่เคยทำได้มาก่อน [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการก่อสร้างโครงการ Ichthys LNG ได้ก่อให้เกิดการจ้ างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจแก่ นครดาร์วินและ NT เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ และค่าเช่าที่พักเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผล กระทบต่อการท่องเที่ยวของ NT เพราะต้นทุนของนักท่องเที่ยวสู งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อการก่อสร้างโครงการเสร็จสิ้ นลง ทำให้การจ้างงานเหล่านั้นยุติ ไปด้วย นำมาซึ่งปัญหาราคาอสังหาริมทรั พย์ลดลงอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิ จภาพรวมของนครดาร์วินและ NT โดยนอกเหนือจากการจ้ างงานในภาคเอกชนแล้ว โครงการลงทุนขนาดใหญ่ใน NT ยังทำให้มีการจ้างงานภาครัฐเพิ่ มมากขึ้น จนทำให้ NT มีจำนวนข้าราชการมากเกิ นความจำเป็น และกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายของรั ฐบาล [su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ดี รัฐบาล NT มีแผนที่จะพัฒนานครดาร์วินให้ เป็น Tropical hub โดยชี้ให้เห็นถึงความน่ าสนใจของนคร ดาร์วิน ซึ่งดึงดูดให้ผู้นำอย่างอดี ตประธานาธิบดี Barrack Obama ประธานาธิบดี Xi Jinping และนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ต่างเลือกที่จะมาเยือนนครดาร์วิ น แทนที่จะไปเยือนกรุงแคนเบอร์รา นอกจากนี้ NT ยังเป็นฐานการฝึกซ้อมของกองทั พเรือสหรัฐฯ เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของญี่ ปุ่น และมีท่าเรือที่ส่งออกโคมีชีวิ ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาให้นครดาร์วินเป็น Tropical hub ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ โดยง่าย รัฐบาล NT จำเป็นต้องมีการวางแผนและการบริ หารจัดการที่มีประสิทธิ ภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ กอปรกับรัฐบาลกลางต้องให้การสนั บสนุนและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่ อง และคนในชุมชนต้องให้ความร่วมมื อและมีความมุ่งมั่นในการพั ฒนาให้นครดาร์วินเป็นประตูสู่ เอเชียของออสเตรเลียอย่างจริงจั ง [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา