หากกล่าวถึงคำว่า “เทศกาลไทย” หลายคนคงมีภาพที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดมากมายหลายอย่าง เช่น งานสงกรานต์ งานลอยกระทง ฯลฯ แต่เมื่อถามถึงงานเทศกาลไทยที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศหรือที่ใคร ๆ ก็เรียกกันติดปากว่า “กระทรวงบัวแก้ว” ก็อาจจะสงสัยกันได้ว่างานเทศกาลไทยนี้คืออะไรและมีความพิเศษกว่างานเทศกาลไทยแบบอื่น ๆ อย่างไรบ้าง [su_spacer size=”20″]
“งานเทศกาลไทย” หรือ “Thai Festival” ของกระทรวงบัวแก้ว คือ กิจกรรมด้านการทูตตามแนวทางการทูตเชิงเศรษฐกิจ (Economic Diplomacy) ที่เน้นส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปในต่างประเทศมากขึ้นมุ่งกระจายรายได้ไปถึงพ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกคน ผสมผสานกับการเผยแพร่ภาพลักษณ์วัฒนธรรมอันดีของไทยสู่สายตาประชาชนชาวโลก (Soft Power) ผ่านกิจกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมไทย การจำหน่ายสินค้าและบริการของไทยเพื่อให้คนต่างชาติรู้จักประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทย 97 แห่งทั่วโลก ได้ใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมเหล่านี้ในการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยจนนำมาสู่การเปิดใจยอมรับในสินค้าและวัฒนธรรมไทยหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ งานศิลปะหัตถกรรม สินค้าสุขภาพความงามและสปา สินค้าแฟชั่น และอื่น ๆ อีกมากมาย จนทำให้เขาเหล่านั้นอดใจไม่ได้ที่จะต้องแวะมาเยี่ยมเยียนและจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย [su_spacer size=”20″]
“งานเทศกาลไทย” ในปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบการจัดงานและสร้างความนิยมชมชอบความเป็นไทยในประเทศต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลท้องถิ่นในต่างประเทศบางแห่งได้ประกาศให้งานเทศกาลไทยกลายเป็นงานประจำปีของเมืองนั้น ๆ ทำให้ชาวต่างชาติมากมายหลายคนเฝ้าคอยที่จะได้ไปจับจ่ายซื้อหาสินค้าและบริการภายในงาน และสินค้าไทยก็ได้มีโอกาสขยายพื้นที่ตลาดของตนเองไปสู่ระดับ “งานเทศกาลไทย” ตลอดทั้งปี 2561 ที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือผู้ทำธุรกิจทั้งรายเล็กรายใหญ่ได้อย่างเต็มที่ โดยมีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยได้จัดงานเทศกาลไทยไป 44 แห่ง ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมออกงาน 1,413 ราย และมีประชาชนเข้าร่วมงานรวมทั่วโลก 1,483,720 คน [su_spacer size=”20″]
ในจำนวนนี้ มีงานเทศกาลไทยที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในท้องถิ่น ได้แก่ งานเทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว จัดไปเมื่อวันที่ 12 – 13 พฤษภาคม 1561 ซึ่งเพียงแค่ระยะเวลา 2 วันของการจัดงานก็มีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในญี่ปุ่นไปร่วมงานมากถึง 300,000 คน [su_spacer size=”20″]
หรืองานเทศกาลไทยที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ที่จัดเมื่อวันที่ 26 – 28 เมษายน 2561 มีผู้ประกอบการไทยนำสินค้าพื้นบ้านไปจัดแสดง เช่น เครื่องสำอางนวัตกรรมข้าวไทย ผลิตภัณฑ์ดอกเกลือ ขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรีที่บรรจุในกระปุกปิดแผ่นฟอยล์ น้ำมันไพล และชาสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดีมากจนนำไปสู่การจับคู่ทางธุรกิจกับบริษัทเอกชนในโอมานหลายราย เช่น โรงแรม Centara ในกรุงมัสกัต และร้านอาหารในเครือบริษัท Glee Hospitality Solutions ซึ่งมีร้านอาหารมากกว่า 70 แห่ง ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้แสดงความสนใจนำเข้าสินค้าจำพวกชาและมะพร้าวอบแห้งของไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีบูธแนะนำผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในหมู่ชาวโอมาน เช่น มะม่วงดิบ ทุเรียนทอด ขนุนทอด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดระยองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก [su_spacer size=”20″]
การจัดงานเทศกาลไทยยังมีส่วนช่วยในการเปิดตลาดใหม่ให้กับสินค้าของไทย ตัวอย่างเช่น งานเทศกาลไทย ณ นครแวนคูเวอร์ ซึ่งได้จัดงานไปเมื่อวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2561 มีการจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนจากแมลงของไทยตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารของโลกในอนาคต และมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและบริการภายในงานมากกว่า 100 ราย ความสำเร็จเหล่านี้จึงยิ่งยืนยันถึงความสำคัญของ “กระทรวงบัวแก้ว – ประตูด่านแรก” ที่ช่วยเชื่อมโยงการค้าขายของธุรกิจไทยให้ก้าวไกลทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของงานเทศกาลไทยที่ได้จัดขึ้นในปีที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น [su_spacer size=”20″]
ส่วนในปี 2562 นี้ งานเทศกาลไทยจะยิ่งมีความน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกขั้น เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ผลักดันโครงการ Thai Festival 2019: Local Best, Global Taste หรือในชื่อภาษาไทยที่ว่า งานเทศกาลไทย: สินค้าดีทั่วไทย ก้าวไกลทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้สินค้า OTOP ในระดับชุมชนได้มีโอกาสแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อเรียนรู้ทิศทางการตลาดและมาตรฐานของสินค้าในระดับสากล ภายใต้แนวทางการทูตเชิงเศรษฐกิจผสมผสานกับการทูตชุมชน (Community Diplomacy) ที่ต้องการสร้างให้พ่อแม่พี่น้องในทุกชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในต่างประเทศไปด้วยกันและเติบโตมีฐานะอย่างมั่นคง แบบที่เรียกว่า “เราจะก้าวไปด้วยกัน แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง [su_spacer size=”20″]
สำหรับความร่วมมือภายใต้โครงการดังกล่าวนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะใช้จุดเด่นของการมีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยที่ตั้งอยู่ในทุกมุมของโลก ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูล เข้าใจสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมทางธุรกิจ และมีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศต่าง ๆ ในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศได้อย่างราบรื่นที่สุด ในขณะเดียวกัน กรมการพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง มีจุดแข็งของการมีสำนักงานในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เข้าถึงผู้ประกอบการในชุมชนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ทั่วไทยจะรวบรวมรายการสินค้า OTOP ที่เหมาะสมให้กับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศและสามารถนำประสบการณ์ที่ได้ร่วมกิจกรรมงานเทศกาลไทยมาสู่การพัฒนาสินค้าแต่ละประเภทต่อไป [su_spacer size=”20″]
ความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานต่าง ๆ นี้ ถือได้ว่าเป็นก้าวใหม่ของงานเทศกาลไทยที่จะรวมศักยภาพที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยงานให้แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ทุกราย โดยเฉพาะรายย่อยที่มีความสามารถในการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยสนใจเข้าร่วมงานดังกล่าวสามารถติดตามกำหนดการและรายละเอียดการจัดงานในครั้งต่อไปทางเว็บไซต์ globthailand.com ของศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กระทรวงการต่างประเทศ [su_spacer size=”20″]
ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ