คณะกรรมการประชาชนจังหวัดเหิ่วยางและนักธุรกิจเห็นพ้องต้องกันในการส่งเสริมธุรกิจผลิตภัณฑ์การเกษตร ในงานสัมมนา ณ จังหวัดเหิ่วยางในวันที่ 12 ธันวาคม 2561
[su_spacer size=”20″]
นาย Le Tien Chau ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเพิ่วยาง มีความเห็นว่า ภาคการเกษตรในจังหวัดมีศักยภาพสูงแต่ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์การเกษตร (Farm produce value chain) การส่งเสริมห่วงโซ่มูลค่าผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ จะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดเป็นอย่างมาก [su_spacer size=”20″]
นาย Truong Canh Tuyen รองประธานคณะกรรมการประชาชนฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบัน จังหวัดกําลังปรับโครงสร้างภาคการเกษตรใหม่ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผัก ข้าว และการเกษตร เทคโนโลยีขั้นสูง (hi-tech farming) โดยได้ก่อตั้งนิคมการเกษตรเทคโนโลยีขั้นสูง (high-tech agricultural park) ขึ้นในอําเภอ Long My ครอบคลุมมีพื้นที่ 5,200 เฮกตาร์และมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและนักลงทุนท้องถิ่น [su_spacer size=”20″]
นาย Nouven Do Anh Tuan ผู้จัดการสถาบันด้านนโยบายและการวางแผนสําหรับการพัฒนาการเกษตรและชนบทเวียดนาม กล่าวว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของเวียดนามเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 16 – 20 ต่อปี จัดเป็นอันดับที่ 64 ของโลกและอันดับที่ 4 ในอาเซียน แต่ค่าขนส่งของเวียดนามยังคงสูงอยู่ โดยคิดเป็นร้อยละ 25 ของต้นทุนสินค้าเมื่อเทียบกับประเทศกําลังพัฒนาอื่น ๆ ที่มีอัตราค่าขนส่งอยู่ที่ร้อยละ 7 – 15 [su_spacer size=”20″]
ระบบโลจิสติกส์ที่ล้าหลังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทําให้ผลผลิตการเกษตรมีต้นทุนสูง นาย Tuan คาดว่าตลาดโลจิสติกส์โลกจะเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 6.54 ต่อปีในช่วงปี 2560 – 2563 และจะมีมูลค่า 15.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2567 ดังนั้น การพัฒนาระบบโลจิสติกส์จะช่วยเพิ่มศักยภาพของห่วงโซ่มูลค่าของผลิตภัณฑ์การเกษตรไปด้วย โดยเฉพาะในจังหวัดเหิ่วยาง [su_spacer size=”20″]
สมาคมเกษตรกรรมจีน-อาเซียน ได้ให้ข้อมูลว่า จีนนําเข้าสินค้าเกษตรกรรมจากเวียดนาม มูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 โดยส่วนมากเป็นผลไม้ ปละคาดหวังว่าเวียดนามจะมีการส่งเสริมนโยบายการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ในทุกภาคส่วน [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ บริษัท Lavifood บริษัทสัญชาติเกาหลี คาดการณ์ว่า ภายในปี 2564 ตลาดผลิตภัณฑ์แปรรูป ผักและผลไม้จะมีมูลค่า 3.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดผักและผลไม้สดจะมีมูลค่า 5.4 แสนล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และภายในปี 2563 อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 19.4 ล้านตัน บริษัท Lavifood จะร่วมมือกับจังหวัดเหิ่วยางในการสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร และจะร่วมมือกับเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์การเกษตรคุณภาพสูง โดยลงทุนในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโลจิสติกส์ [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์