สถิติจาก สำนักงาน Statistics Sweden ระบุว่า ในรอบ 8 เดือนแรกของปี (เดือน ม.ค.-ส.ค. 2561) สวีเดนส่งออกสินค้าไปไทยมูลค่า 2,554 ล้านโครนาสวีเดน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 เช่นกันที่ร้อยละ 7 ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบสถิติระหว่างปี 2558-2560 จะพบว่า การส่งออกจากสวี เดนไปไทยโดยเฉพาะสินค้าที่มีอั ตราการส่งออกสูง เช่น เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกระดาษ/ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกั บกระดาษระหว่างปีดังกล่าวลดลง เช่นเดียวกับการส่งออกอาวุ ธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่ ลดลงหลายเท่าตัว ในขณะที่อัตราการส่งออกรถยนต์ ยา และเครื่องสําหรับส่อง เช่นกล้องหรือแว่นตาเพิ่มขึ้ นเล็กน้อย [su_spacer size=”20″]
ในส่วนภาคการส่งออกไทย ในระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. 2561 สวีเดนนําเข้าสินค้าจากไทยมูลค่ ารวม 2,904 ล้านโครนาสวีเดน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 5 ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบสถิติระหว่างปี 2558-2560 จะพบว่า อัตราการนําเข้าสินค้ าจากไทยบางประเภทเพิ่มขึ้นอย่ างชัดเจน ทั้งสินค้าที่มีอัตราการนําเข้ าสูงอยู่แล้ว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่ วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล รถยนต์และส่วนประกอบ รถยนต์ เครื่องสําหรับส่อง เช่น กล้องหรือแว่นตา ของเล่น เกมส์และอุปกรณ์กีฬา รวมถึงสินค้าที่มีอัตรานําเข้ าต่ำ แต่มีการนําเข้าเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ทําจากสัตว์ (ขนสัตว์ หนังสัตว์ ฯลฯ) แร่เชื้อเพลิงน้ำมันแร่ ดอกไม้ไฟ ผลิตภัณฑ์เคมี และผ้าไหม เป็นต้น ทั้งนี้ ไม่พบว่ามีผลิตภัณฑ์ที่มีอั ตราการนําเข้าลดลงเป็นพิเศษในช่ วงดังกล่าว ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับอัตราการค้ าระหว่างสวีเดนกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนระหว่างปี 2558-2560 พบว่าในส่วนของการนําเข้า สวีเดนนําเข้าสินค้ าจากไทยมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากเวียดนาม โดยที่การนําเข้ าจากไทยและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนโดยรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราการค้าและการส่ งออกระหว่างไทยกับสวีเดนยั งคงเป็นรองสิงคโปร์และเวียดนาม เนื่องจากความร่วมมือด้าน FTA กับ EU ที่พัฒนาและได้มีผลอย่างเป็นรู ปธรรมแล้วของทั้งสองประเทศ [su_spacer size=”20″]
ในส่วนของการลงทุน ไทยสามารถพิจารณาขยายธุรกิ จมาสวีเดนมากขึ้น เนื่องจากสวีเดนเป็นประเทศที่มี ความมั่นคงทางการเมื องและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในระดับที่ ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งเมื่อปี 2559 GDP ของสวีเดนขยายตัวขึ้นร้อยละ 3.3 และปี 2560 ขยายตัวขึ้นร้อยละ 4.5 โดยที่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่ อเนื่องของ GDP โดยรวมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 อันนํามาสู่ความมั่งคั่ งของประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยสู งถึง 33,700 โครนาสวีเดนเดือน (ประมาณ 134,800 บาท) นอกจากนี้ รัฐบาลสวีเดนยังไม่มีการปิดกั้ นการลงทุนของต่างประเทศ ทําให้นักลงทุนต่างชาติได้รับสิ ทธิเท่าเทียมกับนักลงทุนสวีเดน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสวีเดนจะได้รับการจัดอั นดับให้เป็นประเทศน่าทําธุรกิ จและเป็นประเทศที่มีความโปร่ งใสมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่การลงทุนในสวีเดนส่วนใหญ่เน้ นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้น จึงมีนักลงทุนไทยในสวีเดนค่อนข้ างจํากัด โดยบริษัทการบินไทย จํากัด (มหาชน) เป็นธุรกิจรายใหญ่แห่งเดี ยวของไทยในสวีเดน ธุรกิจของคนไทยที่เหลือเป็นธุ รกิจขนาดย่อมของครอบครัวคนไทยที่ อาศัยอยู่ที่สวีเดนโดยเฉพาะธุ รกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และร้านนวด ซึ่งอุปสรรคหลัก ๆ ของการทําธุรกิจในสวีเดน มาจากปัญหาการขนส่งที่มี ระยะทางไกลและค่าใช้จ่ายรวมภาษี สูงทําให้ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้รับความสนใจมากกว่า [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ไทยมีศักยภาพหลายด้านที่ สามารถเข้ามาลงทุนในสวีเดน เช่น ร้านอาหาร และภัตตาคาร ทั้งอาหารไทยแนวดั้งเดิมและแนว fusion ที่กําลังได้รับความนิยมอย่างยิ่ งในสวีเดน หรือกิจการที่เกี่ยวกับเครื่ องประดับ รวมถึงขนมไทยหรือเบเกอรีที่ทํ าจากวัตถุดิบของไทยก็เป็นที่ สนใจของชาวสวีเดนและชุมชนไทยเช่ นกัน แต่ปัจจุบันยังคงมีจําหน่ายน้ อยมาก โดยผู้บริดภคชาวสวีเดนมีลั กษณะที่นิยมความแปลกใหม่ ประกอบกับความอยากรู้ อยากลองและความชื่ นชอบประเทศไทยเป็นทุนอยู่แล้ว ทําให้ธุรกิจไทยอาจจะได้เปรี ยบในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ต้องเข้าใจรสนิยมของผู้บริ โภคสวีเดนว่า ส่วนใหญ่ชาวสวีเดนไม่ได้คํานึ งถึงราคาเป็นหลักแต่ให้ความสํ าคัญกับคุณภาพ การออกแบบสินค้า และลักษณะของสินค้าที่เป็นมิ ตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเข้าถึงตลาดสวีเดนจะเป็ นการยกระดับธุรกิจไทยในยุ โรปไปในตัวด้วย [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม