เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 สำนักพิมพ์ The Straits Times รายงานว่า บริษัท Toyota Motor Corp ทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อหุ้นบริษัท Grab แอพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารรายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการในเมืองต่าง ๆ กว่า 200 เมืองทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อช่วยให้ Toyota กับ Grab ได้พัฒนาและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน ตลอดจนเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลของทั้ง 2 บริษัทมารวมกันแล้ว ถือเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์และมีมูลค่าอย่างมาก[su_spacer size=”20″]
บริษัท Toyota จะได้ประโยชน์จากแง่มุมของผู้โดยสารต่อรถยนต์ของบริษัทฯ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การติดตามความเร็วในการขับรถ ระยะทาง ตลอดจนระยะเวลาบนท้องถนน ขณะนี้นี้ Toyota ได้เตรียมติดตั้งเครื่องบันทึกการขับขี่รถยนต์ Translog ในรถยนต์ Grab เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลการขับขี่รถยนต์ นับเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา Toyota เข้าสู่อุตสาหกรรม mobility-as-a-service อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกัน บริษัท Grab มีระบบสอดส่องพฤติกรรมการขับรถของคนขับผ่านแอพลิเคชั่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และส่งอีเมล์แจ้งความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ระยะการเบรกอย่างทันที ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังมากขึ้น[su_spacer size=”20″]
ทั้ง Toyota และ Grab จะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกัน บริษัท Toyota มีเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ของ Grab เพื่อเก็บข้อมูลและเตือนว่าเมื่อใดควรจะนำรถยนต์เข้าตรวจสอบสภาพ หาแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับรถยนต์และพฤติกรรมขับขี่ ซึ่งบริษัท Grab จะได้ประโยชน์ในการรักษาสภาพรถยนต์และสามารถขยายธุรกิจลึกลงไปในภูมิภาค รวมถึงสามารถขยายธุรกิจบริการได้มากยิ่งขึ้น อาทิ บริการส่งอาหาร การจ่ายเงินแบบดิจิทัล นอกจากนี้ สำหรับผู้ขับรถยนต์โดยสารค่าใช้จ่ายในการรักษาสภาพรถยนต์และค่าประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลรถยนต์จาก Toyota จะเสริมความแข็งแกร่งของ Grab และทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องการเปลี่ยนไปขับให้บริษัทอื่น โดยในปี 2561 นี้ บริษัท Grab มีเป้าหมายในการเป็นบริษัทให้บริการโดยสารรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคภายในไตรมาสสุดท้ายของปี[su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ การที่ Grab เข้าเป็นพันธมิตรกับ Toyota น่าจะทำให้ Grab ซึ่งเป็นบริษัทที่สิงคโปร์เข้าถือหุ้น มีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลประเทศในภูมิภาคเพิ่มขึ้น เพราะมี Toyota ซึ่งมีสถานะเสมือนผู้เข้าร่วมลงทุนด้วยอีกบริษัทหนึ่ง [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์