เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2561 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อการใช้ชีวิตประจำวัน จำนวน 1,449 รายการ โดยอัตราภาษีนำเข้าจากเดิมเฉลี่ยร้อยละ 15.7 ลดลงเหลือเฉลี่ยร้อยละ 6.9 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2561 รายละเอียด ดังนี้
[su_spacer size=”20″]
การปรับลดอัตราภาษีนำเข้าในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 4 ปี และมีลดรายการสินค้ามากที่สุดอีกด้วย ปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายในการจัดการภาษีสินค้านำเข้า เฉลี่ยร้อยละ 0.5-7 ของราคาสินค้า ซึ่งการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลดีต่อสินค้านำเข้าในกลุ่มดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศอีกด้วย เพราะปัจจุบันชาวจีนจำนวนมากหันมาใส่ใจคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคาถูกดังเช่นในอดีต ซึ่งการประกาศปรับลดอัตราภาษีนำเข้าในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดจีนของสินค้าต่างประเทศแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะขยายช่องทางการค้าของจีนอีกด้วย[su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ตั้งแต่การประกาศลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ ไปจนถึงการประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเห็นได้ว่ารัฐบาลจีนมีความพยายามที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินค้าและความต้องการของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็เป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าในประเทศให้มีคุณภาพใกล้เคียงหรือทัดเทียมสินค้านำเข้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจจีนและผู้บริโภคในระยะยาว[su_spacer size=”20″]
ปัจจุบัน ประเทศจีนมีผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์ติด 1 ใน 10 ของโลก การลดอัตราภาษีนำเข้าครั้งนี้ได้กระตุ้นการใช้จ่ายในตลาดการค้าออนไลน์ในประเทศอีกด้วย ซึ่งการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมในการค้าออนไลน์ประเภท B2C (Business to Consumer) หรือคำสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มข้ามแดน (Cross Border E-Commerce Platform) จะยิ่งทำให้เกิดความคล่องตัวในการค้ามากขึ้น โดยผู้บริโภคสินค้าออนไลน์ของจีนในกลุ่มแพลตฟอร์มข้ามแดนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก (1) การจัดการทางโลจิสติกส์ใช้เวลาเพียง 7-10 วัน (2) ราคาสินค้ามักไม่แตกต่างกับราคาขายปลีกบนแพลตฟอร์มผู้ค้ารายย่อย และ (3) รัฐบาลจีนมีการส่งเสริมและสนับสนุนรูปแบบการค้าดังกล่าว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเขตการค้าหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ที่รัฐเปิดสัมปทานให้วิสาหกิจเข้าลงทุนคลังจัดเก็บสินค้า (Bonded Warehouse)[su_spacer size=”20″]
เช่นเดียวกับการค้าออนไลน์ของนครซีอานที่มีแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์จำนวนมากและมีการลงทุนก่อตั้งคลังจัดเก็บสินค้าในพื้นที่ อาทิ www.flnet.com, www.xbniao.com (ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ eBay และ Amazon) สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคของ JD.com, Gome.com, Foxconn Group, Fulian.com และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินค้าเกษตร อาทิ Dashangdao Commodity Market Trading Co., Ltd. และ No.1 Agricultural (www.nsyh001.com) ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ B2B ของกลุ่มแร่และพลังงาน อาทิ Ling Group Steel Valley, Fosun Group Steel, Silver E-Commerce, China Cement Beijing Treasure Island และ www.dhgate.com นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้บริการขนส่งสินค้า เช่น Alibaba One touch เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลนครซีอานคาดว่า การลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายรายได้จากธุรกิจการค้าออนไลน์และ Cross Border E-Commerce ของนครซีอานจะไม่ต่ำกว่า 350,000 ล้านหยวนภายในปี 2563 รวมถึงยังเป็นการยกระดับระบบการจัดหาสินค้าในมณฑลส่านซีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย[su_spacer size=”20″]