โฆษกสำนักงานความปลอดภั ยสาธารณะแห่งชาติแถลงนโยบายฟรี วีซ่าของมณฑลไห่หนาที่จะเข้ ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริ มและเร่งการพัฒนาด้านเศรษฐกิ จและสังคมความเป็นสากลที่รวดเร็ วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นหน้าต่างที่เปิดไปสู่ “ความฝันจีน” ที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวไห่หนานและสร้างเศรษฐกิ จที่สามารถเติบโตอย่างมีเสถี ยรภาพ เมื่อมณฑลไห่หนานมีนโยบายที่เป็ นการกรุยทางสำหรับการเติ บโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ แล้ว จึงเป็นโอกาสทางการค้าที่สำคั ญสำหรับภาคธุรกิจในพื้นที่หรื อภาคธุรกิจจากต่างประเทศ โดยเฉพาะไทย[su_spacer size=”20″]
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประกาศยกเว้นวีซ่าแก่ชาวต่ างชาติจาก 59 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวจากไทย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดิ นทางมายังมณฑลไห่หนาน และอยู่ได้นานถึง 30 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 นายฉู่ว์ หยุนไห่ รองผู้อำนวยการสำนั กงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่านโยบายดังกล่าวครอบคลุ มเนื้อหาสำคัญ 3 ประการได้แก่
– ขยายขอบเขตการยกเว้นวีซ่าแก่นั กท่องเที่ยวจากเดิมให้แก่ 26 ประเทศ ขยายเป็น 59 ประเทศ
– ยืดระยะเวลาพำนักจากเดิม 15-21 วัน เพิ่มเป็น 30 วันทั้งหมด
– ผ่อนคลายข้อกำหนดการยกเว้นวีซ่า จากเดิมให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่ เข้ามาโดยบริษัททัวร์ ให้ครอบคลุมถึงนักท่องเที่ยว FIT (Free and Independent Traveler) ที่เดินทางด้วยตนเองด้วย[su_spacer size=”20″]
ธุรกิจไหนได้ประโยชน์ จากนโยบายยกเว้นวีซ่า
นโยบายยกเว้นวีซ่าของมณฑลไห่ หนานถือเป็นนโยบายตรวจคนเข้าเมื องที่เปิดกว้างที่สุดเท่าที่จี นเคยมีมา นับตั้งแต่ปี 2543 ที่รัฐบาลกลางประกาศยกเว้นวีซ่ าให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ ามาท่องเที่ยวในมณฑลไห่หนานผ่ านบริษัทท่องเที่ยวจาก 21 ประเทศ โดยมีระยะเวลาพำนัก 15 วัน หลังจากนั้นเพิ่มจำนวนเป็น 26 ประเทศในปี 2553 และล่าสุดเพิ่มเป็น 59 ประเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 โดยยังขยายขอบเขตการยกเว้นวีซ่ าให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่ เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง (Free Individual Traveler; FIT) อีกด้วย ซึ่งหากมองในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ เข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะไห่ หนานเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 78 ในปี 2560 โดยกิจการธุรกิจที่จะได้รั บผลกระทบทางบวก ได้แก่
1) ธุรกิจบริการ โรงแรมและรีสอร์ท เป็นธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กั บอัตราขึ้นลงของจำนวนนักท่องเที่ ยวโดยตรง จากตัวเลขสถิติของปี 2559 ไห่หนานมีนักท่องเที่ยวที่พักค้ างคืนกว่า 34.74 ล้านคน โรงแรมกว่า 876 แห่ง ห้องพักจำนวน 129,916 ห้อง อัตราการจองห้องพัก (Room Occupancy rate) ร้อยละ 60.67 นอกจากนี้บนเกาะไห่หนานยังมี โรงแรมไทยจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมอนันตรา รีสอร์ตแอนด์สปา ซานย่า โรงแรมดุสิตธานี หลิงสุ่ย ไห่หนาน และ โรงแรมดุสิตเดวาราณาเป่าถิง ไห่หนาน
2) ธุรกิจบริการ ร้านอาหารและกิจกรรมท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง ปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดนักท่ องเที่ยวไว้ได้นานและยอมใช้จ่ ายมากขึ้น คือกิจกรรมการท่องเที่ยว การบริการเพื่อการผ่อนคลาย อาทิ สปา ร้านนวด และร้านอาหาร รัฐบาลไห่หนานได้จัดวางสาธารณู ปโภคขั้นพื้นฐานไว้อย่างครบครัน เพื่อเติมเต็ มและอำนวนควมสะดวกในการเดินทาง แต่อย่างไรก็ดี มณฑลไห่หนานยังมีข้อจำกัดด้ านประสบการณ์และคุณภาพของการบริ การในพื้นที่ ซึ่งเป็นช่องว่างที่ยังรอการเติ มเต็ม
3) ธุรกิจค้าปลีกห้างสรรพสินค้าซุ ปเปอร์มาเก็ต เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้ นธุรกิจค้าปลีกโดยเฉพาะห้ างสรรพสินค้าย่อมได้รับประโยชน์ โดยตรงจากปริมาณการบริโภคที่สู งขึ้นตาม ในปี 2559 มูลค่าการค้าปลีกของมณฑลไห่ หนานเท่ากับ 120,429 ล้านหยวน ขยายตัวร้อยละ 9.8 นครไหโข่วเป็นพื้นที่ที่มีอั ตราการบริโภคสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 45 ของทั้งมณฑล ปัจจุบันห้างซุปเปอร์มาเก็ตค้ าปลีกในไห่หนานมีทั้งที่เป็ นการลงทุนจากต่างชาติ อาทิ คาร์ฟู (ฝรั่งเศส) RT-Mart (ไต้หวัน) และการลงทุนของจีนเอง อาทิ กลุ่มบริษัท Wangfujing กลุ่มบริษัท Dalian Wanda และห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์มาเก็ ตหนานกั๋ว (南国超市) ที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องถิ่ น
4) ธุรกิจสายการบิน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รั บประโยชน์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้ นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ของไห่หนาน ซึ่งจะทำให้การแข่งขันของธุรกิ จการบินยิ่งดุเดือดมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเส้นทางการบินไทยมายั งมณฑลไห่หนานมีค่อนข้างหลากหลาย อาทิ สานการบิน China Southern Airline Hong Kong Airline Shenzhen Airline Carthey Pacific – ไทยบินตรงไห่หนาน [su_spacer size=”20″]
สถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ ยวและการบริการไห่หนาน
เกาะไห่ หนานแยกออกมาจากมณฑลกวางตุ้ งในปี 2531 มีขนาดพื้น 35,400 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ทางทะเล 2 ล้านตารางกิโลเมตร (พื้นที่ของเกาะใหญ่กว่าจังหวั ดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนรวมกั นเล็กน้อย) เป็นแหล่งพักผ่ อนตากอากาศชายทะเลที่สำคั ญของประเทศจีน ได้รับฉายาว่าเป็น “ฮาวายของจีน” ในปี 2561 GDP ของเกาะไห่หนานเท่ากับ 446,254 ล้านหยวน ซึ่งกว่าร้อยละ 50 ของ GDP มาจากภาคการท่องเที่ยว และการบริการอื่น ๆ เกาะไห่หนานยังได้รับการพั ฒนาให้เป็นเกาะท่องเที่ ยวนานาชาติของจีนเมื่อปี 2553 และเริ่มมีนโยบายส่งเสริ มการการท่องเที่ยวอย่างเป็นรู ปธรรม อาทิ นโยบายการคืนภาษีให้กับนักท่ องเที่ยวในปี 2554 และนโยบายสินค้าปลอดภาษีให้กั บนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและต่ างชาติที่เดินทางออกจากไห่ หนานโดยไม่ต้องออกนอกประเทศ กำหนดเพดานการจับจ่ายปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 8,000 หยวน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่ มเพดานจำนวนเงินเป็น 50,000 หยวนต่อปีในอนาคต
ในปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั้ งในและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ ยวกว่า 67.45 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ12 โดยสัดส่วนนักท่องเที่ ยวจากในประเทศยังคงสูงถึงกว่าร้ อยละ 90 ซึ่งหากมองในส่วนของรายได้ก็ สอดคล้องกับสัดส่วนของนักท่ องเที่ยว โดยรายได้จากการท่องเที่ยวเท่ ากับ 81,199 ล้านหยวน (คิดเป็นร้อยละ 22.36 ของรายได้การท่องเที่ยวไทย) มาจากนักท่องเที่ ยวภายในประเทศกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชี้ว่ามณฑลไห่ หนานยังคงห่างไกลจากการเป็ นเกาะนานาชาติของจีนอยู่มาก
ถึงแม้ปัจจุบันรายได้จากอุ ตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริ การมณฑลไห่หนานยังคงมาจากนักท่ องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก แต่สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 มณฑลไห่หนานเริ่มดำเนินนโยบายผ่ อนคลายระเบียบการตรวจคนเข้าเมื อง โดยเพิ่มจำนวนประเทศที่ได้รั บการยกเว้นวีซ่าเพื่อเข้ามาท่ องเที่ยวและขยายเวลาพำนักให้ ยาวขึ้น นโยบายนี้จะกลายเป็นหนึ่ งในนโยบายสำคัญที่จะผลักดันให้ เกาะไห่หนานกลายเป็นจุ ดหมายปลายทางของนักท่องเที่ ยวจากทุกมุมโลกได้ในไม่ช้าส่ วนหนึ่งเพื่อเป็นการขยายสัดส่ วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่ างชาติให้เพิ่มสูงขึ้น สร้างสิ่งแวดล้อมด้านการลงทุ นให้ดีขึ้น ให้รวมถึงเพื่อบรรลุเป้ าหมายของการเป็น “เกาะท่องเที่ยวนานาชาติของจีน” และการเตรียมความพร้อมสำหรั บการเป็น Free-Trade Zone แห่งที่ 15 ของจีนในปี 2563 และเขตนำร่อง Free-Trade Port ในปี 2568[su_spacer size=”20″]
โอกาสของธุรกิจ SME ไทยในมณฑลไห่หนาน
ไห่หนานมีรายได้หลักจากสินค้ าเกษตรและการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่ วนใหญ่ถึงร้อยละ 80 ยังคงเป็นชาวจีนจากมณฑลอื่น ๆ การดำเนินนโยบายที่จะเพิ่มปริ มาณนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มี สัดส่วนที่สูงขึ้นจะเป็ นการกระตุ้นการบริโภคให้ขยายตั วสูงขึ้น ดั่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดนักท่ องเที่ยวไว้ได้นานและยอมใช้จ่ ายมากขึ้น คือกิจกรรมการบริการและการท่ องเที่ยว รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุ ขภาพ (Health & Wellness) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ SME ไทยมีศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมธุรกิ จหลากหลายประเภท อาทิ การรักษาพยาบาล ศัลยกรรมความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ ร้านอาหาร สปา ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม อาทิ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินค้ าและบริการที่ไทยได้เปรียบในเรื่ องคุณภาพและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกั บนโยบายของรัฐบาลไห่หนานที่กำลั งผลักดันให้เกาะแห่งนี้กลายเป็ นฮับด้าน Medical Tourism ของจีน ดึงดูดผู้สูงอายุจากภูมิภาคต่าง ๆ ของจีน ให้เข้ามารักษาพยาบาล ใช้บริการด้านสุขภาพ พักผ่อนที่เกาะไห่หนาน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ ประกอบการควรเข้าไปศึกษาตลาด เสาะหาโอกาส เพื่อที่จะนำสินค้าและบริ การของไทยเข้าไปบุกตลาดไห่หนาน[su_spacer size=”20″]
– SME ต้องปรับก่อนบุก
หาก SME ด้าน Health & Wellness ของไทยสามารถเข้าไปบุ กในตลาดการท่องเที่ยวและการบริ การของมณฑลไห่หนานได้ ไม่เพียงแต่ตอบโจยท์การมุ่ งการเป็นฮับด้าน Medical Tourism เท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าไปยกระดับผลิ ตภัณฑ์และบริการสำหรับอุ ตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริ การในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีอี กด้วย แต่การที่จะนำสินค้าและบริ การเข้าไปแล้วประสบความสำเร็จนั้ น ไม่สามารถที่จะพึ่งพาคุณภาพได้ เพียงอย่างเดียว ยังจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอี กหลายประการ โดยเฉพาะการกำหนดกลุ่มลูกค้ าเพราะการทำตลาดแบบ mass marketing ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ อีกต่อไป พฤติกรรมการบริโภคที่เป็นปัจจั ยสำคัญของความสำเร็จ รวมถึงควบคุมต้นทุนให้สามารถมี ความได้เปรียบหรือสูสีกับสินค้ าเดิมในตลาด นอกจากนี้ต้องไม่ลืมที่จะสร้ างความแตกต่างให้แก่สินค้า มีบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ แยกสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยวกั บสินค้าเพื่อการบริโภคจริ งออกจากกัน ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคั ญของความสำเร็จในตลาดจีน ที่ผู้ประกอบการไทยต้องรู้ และปรับก่อนที่จะนำสินค้าและบริ การต่าง ๆ เข้ามาในเกาะไห่หนาน [su_spacer size=”20″]
– อย่าลืม Go Offline
รูปแบบการจำหน่ายสินค้าผ่ านทางออนไลน์ได้รับความนิยมสู งขึ้นมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี2561 มณฑลไห่หนานมีมูลค่าการซื้ อขายสินค้าผ่านออนไลน์กว่า 23,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7 ซึ่งการขยายตัวของการบริ โภคออนไลน์ยังมีอยู่มาก แต่ทว่าหากสินค้าของผู้ ประกอบการเป็นสินค้าสำหรับการท่ องเที่ยวและการบริการในพื้นที่ การเลือกการตลาดแบบ Offline ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่มี เวลามากพอที่จะรอรับสินค้า ซึ่งโดยปกติใช้เวลาประมาณ 2-3 วันและหากสินค้ามีปัญหา ต้องการเปลี่ยนหรือคืน ก็อาจจะกลายเป็นฝันร้ายที่สร้ างความรำคาญใจให้กับผู้บริ โภคได้ ดังนั้น การมุ่งเน้นการจำหน่ายแบบ Offline ในมณฑลไห่หนาน เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ของสินค้ าและบริการจึงเป็นสิ่งที่ผู้ ประกอบการความสำคัญเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันห้างซุปเปอร์มาเก็ ตค้าปลีกมากมายในไห่หนาน มีทั้งที่เป็นการลงทุนจากต่ างชาติ อาทิ คาร์ฟู (ฝรั่งเศส) RT-Mart (ไต้หวัน) และการลงทุนของจีนเอง อาทิ กลุ่มบริษัท Wangfujing กลุ่มบริษัท Dalian Wanda และห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์มาเก็ ตหนานกั๋วที่ได้รับความนิ ยมจากคนในท้องถิ่น[su_spacer size=”20″]
โอกาสความร่วมมือระหว่างองค์กร
ไห่หนานนอกจากจะเป็น “เกาะฮาวาย” ของจีนแล้ว ในปี 2556 รัฐบาลไห่หนานได้จัดตั้งเขตนำร่ องการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ นานาชาติ ป๋ออ่าว เล่อเฉิง (Bo‘ao Lecheng International Medical Tourism Pilot Zone) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทศาสตร์ปฏิรู ปและเปิดกว้างสู่การเปิ ดเขตการค้าเสรีในปี 2020 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็ นฮับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ของจีน โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมารั ฐบาลกลางยังได้ออกประกาศผ่ อนคลายการควบคุมการนำเข้าเครื่ องมือทางการแพทย์ จากเดิมที่จะอนุญาตนำเข้าอุ ปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะจากบริษั ทที่มีตัวแทนหรือสาขาที่ตั้งอยู่ ในจีนเท่านั้น ให้มณฑลไห่หนานสามารถนำเข้าอุ ปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทผู้ ผลิตไม่ได้ตั้งอยู่ในจีนได้ เพื่อใช้ในกิจกรรมทางการแพทย์ที่ เร่งด่วนภายในเขตนำร่องฯ
มณฑลไห่หนานมีเพียงโรงพยาบาล 3 แห่งที่ได้รับมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) ได้แก่ โรงพยาบาล Reher Cosmetic โรงพยาบาล Hainan Modern Women & Infants และโรงพยาบาล Hainan Modern Women and Children’s อีกทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ ยวเชิงการแพทย์ของมณฑลไห่ หนานอยู่ในระยะเริ่มเต้น ขลาดแคลนทั้ งจำนวนของสถานพยาบาลระดับสูง อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจั ดการ ทำให้หน่วยงาน สถานพยาบาลในไห่หนานจำเป็นต้ องไค่วคว้าหาความร่วมมื อจากรอบด้าน ในขณะที่ไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รั บมาตรฐานดังกล่าว กว่า 64 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งยังเพรียบพร้อมด้วยมี ประสบการณ์และการจัดการที่มี ประสิทธิภาพ จึงเป็นความได้เปรี ยบของโรงพยาบาลไทย หากจะเข้าไปหาโอกาสของความร่ วมมือในพื้นที่ดังกล่าว
ล่าสุดบริษัท Evergrande Health บริษัทด้านสุขภาพในเครือ China Evergrande Group ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่ องกงและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ นครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง จับมือกับ the Brigham and Women’s Hospital Affiliated และ Harvard Medical School (BWH) สหรัฐอเมริกา เข้าไปลงทุนและเปิดโรงพยาบาล Boao Evergrande International ในเขตนำร่องการท่องเที่ยวเชิ งการแพทย์ นานาชาติ ป๋ออ่าว เล่อเฉิง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็ นว่าโรงพยาบาลในไห่หนานยังคงต้ องการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ จากโรงพยาบาลและหน่วยงานทั่วโลก ซึ่งโอกาสของไทยก็ยังมีอยู่มาก