สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถื อฟิทช์ เรทติงส์ (Fitch Ratings) ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถื อของเวียดนามจากระดับ BB- เป็น BB ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณเงินทุ นสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่ มมากขึ้น อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิ จที่มั่นคง และตราสารหนี้และตราสารทุนที่ เพิ่มสูงขึ้น[su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังเห็นว่า รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายที่มุ่ งเน้นการบริหารเศรษฐกิจมหภาคให้ มีเสถียรภาพ ซึ่งรัฐบาลได้มุ่งมั่นในการรั กษาระดับหนี้และปฏิรูปรัฐวิ สาหกิจภายในประเทศเพื่อเตรี ยมความพร้อมสำหรับปัจจั ยลบจากการเพิ่มขึ้นของอั ตราดอกเบี้ยจากสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเวียดนามจะเป็นหนึ่ งในประเทศที่มีอัตราการเติ บโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในภูมิ ภาคเอเชียแปซิฟิก โดยภายในปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้ อยละ 6.7 และมีเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้ นประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนี้สาธารณะจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 50 ของ GDP ภายในปี 2562 และการขาดดุลงบประมาณจะลดลงเหลื อร้อยละ 4.6 ของ GDP (จากเดิมร้อยละ 4.7)[su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ให้ความเห็นว่าเวียดนามยังเก็ บสถิติหนี้เสียในระบบการเงิ นการธนาคารของเวียดนามน้อยกว่ าความเป็นจริง คุณภาพของสินทรัพย์ยังคงต่ำกว่ าที่มีการประเมิน และการเติบโตด้านสินเชื่ออย่ างรวดเร็วกำลังสร้างความเสี่ ยงต่อความมั่นคงทางการเงิ นในระยะกลาง[su_spacer size=”20″]
อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของเวียดนามจาก Bank for Investment and Development of Vietnam ได้ให้ความเห็นว่าการปรับอันดั บความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่ างชาติเข้าประเทศได้เป็นอย่างดี และเวียดนามจะมีโอกาสเข้าถึ งแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากต่ างประเทศได้มากขึ้นเพื่อการสร้ างความเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป[su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย