Los Angeles World Affairs Council และ the Petersen Automotive Museum จัดเวทีการประชุมว่าด้ วยอนาคตของยานยนต์ (Future of the Automobile Conference) ณ Petersen Automotive Museum ลอสแอนเจลิส ในวันที่ 3 พ.ค. 2561 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีผู้ เข้าร่วมงานประมาณ 300 คน และมีวิทยากรกว่า 25 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุ ตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจเข้าร่ วม[su_spacer size=”20″]
ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ในอีก 10 – 20 ปีข้างหน้า รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (autonomous vehicle – AV) จะเข้ามามีบทบาทสําคัญจนถึ งขั้นแทนที่รถยนต์ที่ใช้เชื้ อเพลิง (combustion engine) เนื่องจากมีประสิทธิ ภาพกว่า ปลอดภัยกว่า และทําให้ต้นทุนการขนส่งเคลื่ อนที่ลดลงโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะในประเทศที่มีปัจจัยพื้ นฐานและกฎหมายที่เอื้อต่อการพั ฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (electric vehicle – EV) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพั ฒนา AV โดย AV จะก่อให้เกิดการเปลี่ ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่ างมหาศาล ทั้งในด้านวิถีการดํารงชีวิต และด้านการจ้างงาน โดย Cloud Computing/Big Data เป็นเทคโนโลยีที่เป็นหั วใจหลักของการนํา AV มาใช้ได้ จริงในชีวิตประจําวัน โดยผู้ที่จะเป็นผู้นํากํ าหนดตลาดคือ ผู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี ประมวลผลการทํางานของ ระบบต่าง ๆ ในรถ AV แต่ละคันได้แบบ real-time และเชื่อมต่อกับข้อมู ลจราจรของภาครัฐได้อย่างสมบูรณ์ ที่สุด และปัจจัยกระตุ้นการเปลี่ ยนแปลง “Forced adoption” จะเป็นสิ่งที่ทําให้การเปลี่ ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นอย่ างรวดเร็วในประเทศหนึ่ง ๆ โดย forced adoption สามารถเกิดขึ้นได้ด้ วยหลายปัจจัย เช่น การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ นโยบายของรัฐบาล ความจําเป็นบังคับเฉพาะในพื้นที่ นั้น ๆ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และค่านิยมของคนในประเทศ เป็นต้น[su_spacer size=”20″]
การเติบโตของรถยนต์ AV จะส่ งผลกระทบในด้านต่าง ๆ ดังนี้[su_spacer size=”20″]
1. ผลกระทบต่อประเทศกําลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้วที่มีความพร้ อมก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคม AV ก่อน โดยประเทศแรกคือจีน สําหรับประเทศกำลังพัฒนา ในช่วงต้น ๆ จะยังคงใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้ อเพลิงต่อไป และจะเป็นตลาดของรถยนต์ที่ใช้ เชื้อเพลิงมือสองที่ประเทศพั ฒนาไม่ใช้แล้วด้วย อย่างไรก็ดี ในท้ายที่สุดประเทศกําลังพั ฒนาก็ไม่อาจหลีกหนีความเปลี่ ยนแปลงนี้ได้ โดยจะเริ่มจากการใช้ EV ก่อน[su_spacer size=”20″]
2. แนวโน้มสังคมแห่งคนไม่ต้ องการครอบครองรถ โดย AV จะส่งผลให้คนไม่เห็ นความจําเป็นที่จะมีรถเป็ นของตนเองอีก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ าและไม่สะดวก[su_spacer size=”20″]
3. การสูญเสียอาชีพ เช่นเดียวกับ disruptive technology อื่น ๆ การก้าวขึ้นมาของ AV จะมีทั้งผู้ ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ เช่น บริษัทประกันภัยรถยนต์ ผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมผลิ ตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ธุรกิจล้างรถ ฯลฯ ทั้งนี้ ในเรื่องอาชีพที่จะถูกทํ าลายลงโดย AV นั้น มีการโต้แย้งว่า หากพิจารณาถึงโอกาสต่าง ๆ ที่เกิดจาก AV อย่างถี่ถ้วน อาชีพที่เกิดใหม่จะมีมากกว่ าอาชีพที่ถูกทําลายไป แต่ต้องมีการเตรียมพร้อมบุ คลากรเหล่านั้นไว้[su_spacer size=”20″]
4. การเปลี่ยนแปลงของที่มารายได้รั ฐ ในปัจจุบัน ภาครัฐของหลายประเทศพึ่ งพารายได้หลักจากการเก็บภาษีที่ ได้จากอุตสาหกรรมรถยนต์และที่ เกี่ยวเนื่อง รวมถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากการครอบครองรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ในอนาคต AV จะทําให้รายได้ ภาครัฐส่วนนี้ลดลง ซึ่งรัฐบาลของประเทศที่สามารถกํ าหนดนโยบายรองรับการเปลี่ ยนแปลงนี้ได้ ก็จะไม่เกิดปั ญหาการขาดแคลนรายได้ภาครัฐที่ต้ องใช้ในการให้บริการสาธารณะด้ านอื่น ๆ[su_spacer size=”20″]
5. การปรับเปลี่ยนบทบาทของภาครัฐ นอกจากการมีบทบาทเพื่อช่วยสร้ าง ecosystem การพัฒนานวัตกรรม และ AV แล้ว บทบาทที่สําคัญอีกประการหนึ่ งของภาครัฐคือ การปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่ อการนํา AV มาใช้จริง ซึ่งมีประเด็นท้าทายคือต้องสร้ างกฎที่มีสมดุลระหว่ างความปลอดภัย ความสงบสุขของคนใน สังคม และการไม่เป็นอุปสรรคต่อการพั ฒนานวัตกรรม[su_spacer size=”20″]
6. การใช้เชื้อเพลิงจะค่อย ๆ ลดความสําคัญลงไป โดยเฉพาะน้ำมัน อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ จนถึงยุคแห่ง EV และ AV อย่ างแท้จริง ก๊าซธรรมชาติจะมีบทบาทสําคัญเพิ่ มมากขึ้น[su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส