สำหรับชาวไทยเมื่อพูดถึงประเทศนอร์เวย์หลายคนคงจะนึกถึง ปลาแซลมอน นึกถึงแสงเหนือ นึกถึงประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก แต่ใครจะทราบบ้างว่ามีอีกด้านหนึ่งที่นอร์เวย์ประสบความสำเร็จ และเป็นผู้นำของโลก นั้นก็คือการผลักดันการใช้รถยนไฟฟ้าที่เรียกว่า Electrical Vehicles หรือเรียกย่อๆว่า EV นอร์เวย์เค้าประสบความสำเร็จได้อย่างไร และประเทศไทยเรามีโอกาสที่จะทำตามได้มั้ย เรามาร่วมกันหาคำตอบกันครับ[su_spacer size=”20″]
ความสำเร็จในการผลักดันการใช้ EV ของนอร์เวย์: การผลักดันอนาคตให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
แม้ว่าแนวโน้มเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความสนใจ ซึ่ง EV ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในคำตอบสำหรับปัญหานี้ โดยจากรายงานของสถาบัน HSBC Global Research เมื่อเดือน ก.ค. ค.ศ. 2016 คาดการณ์ว่า EV จะมีสัดส่วนยอดขายสูงถึงร้อยละ 35 ของยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในปี 2040 แต่ถ้ามองในสภาพการณ์ปัจจุบันในตลาดรถยนต์ทั่วโลก EV ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของอนาคตอันห่างไกล เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ในปัจจุบันทั่วทั้งโลกมีรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก (light-duty vehicles) ที่เป็นแบบ EV เพียงร้อยละ 0.2 จากปริมาณที่หมุนเวียนทั้งหมด ในปี ค.ศ. 2015 ยอดขาย EV ทั่วโลกมีน้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด แต่อนาคตของการใช้ EV ในชีวิตประจำวันอย่างกว้างขวางได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันในนอร์เวย์[su_spacer size=”20″]
ข้อมูลสถิติจำนวน EV ของนอร์เวย์เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ [su_spacer size=”20″]
1. 4 ประเทศแรกในโลกที่มีจำนวน EV มากกว่า 100,000 คัน[su_spacer size=”20″]
ประเทศ | จำนวนประชาการ |
1. จีน | ประมาณ 1,350 ล้านคน |
2. สหรัฐอเมริกา | ประมาณ 315 ล้านคน |
3. ญี่ปุ่น | ประมาณ 128 ล้านคน |
4. นอร์เวย์ | ประมาณ 5.2 ล้านคน |
[su_spacer size=”20″]
2.จำนวน EV ที่ลงทะเบียนรถยนต์ใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป[su_spacer size=”20″]
(ข้อมูลจาก information provider IHS จาก 3 เดือนแรกของปี ค.ศ. 2016)
ประเทศ | ร้อยละของ EV เทียบกับรถยนต์ที่ลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด |
1. นอร์เวย์ | 24.4 |
2. เนเธอร์แลนด์ | 1.8 |
3. ฝรั่งเศส | 1.5 |
4. สหราชอาณาจักร | 1.3 |
5. เยอรมนี | 0.7 |
[su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ จากตารางทั้งสองจะเห็นว่า นอร์เวย์มีสัดส่วนการใช้ EV ที่มากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอย่างมี นัยสำคัญ โดยจากรายงานของ The Norwegian EV Association ในปี ค.ศ. 2017 มี EV ในนอร์เวย์ประมาณ 200,000 คัน โดยมากกว่าร้อยละ 50 ของรถยนต์ที่ขายในออสโลในปี ค.ศ. 2017 เป็น EV[su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Tesla เมื่อนับตามจำนวนที่ขายได้ และนอร์เวย์ยังประสบความสำเร็จในการทำตามเป้าหมายที่ต้องการที่จะมีรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษเลย (zero-emission vehicles) อยู่ในถนนจำนวน 50,000 คัน ได้เมื่อเดือน เม.ย. ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นการถึงเป้าก่อนเป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ พรรค Fremskrittspartiet หรือ พรรค Progress Party ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายที่จะผลักดันกฎหมายห้ามการขายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซลทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งแม้ว่ากฎหมายจะยังไม่ผ่าน แต่การกำหนดนโยบายเช่นนี้ เป็นการแสดงถึงวิสัยทัศน์และความก้าวหน้าของนอร์เวย์ที่ยากที่ประเทศอื่นๆ จะตามได้ทันในเรื่อง EV ซึ่งความสำเร็จที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เกิดจากการวางนโยบายที่มีวิสัยทัศน์และต่อเนื่องของรัฐบาลนอร์เวย์มามากกว่าสองทศวรรษ[su_spacer size=”20″]
ในตอนหน้า เรามาติดตามกันว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการผลักดันการใช้ EV ในนอร์เวย์กันนะครับ
ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล