“นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า นับเป็นช่วงขาขึ้นสำหรับ “เศรษฐกิจอวกาศ” (Space Economy) โดยตลาดอุตสาหกรรมอวกาศทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหลายเท่าของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน”
หากพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจอวกาศของจีน ต้องยอมรับว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการอวกาศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้าง “สถานีอวกาศเทียนกง” (Tiangong) และส่งโมดูลส่วนต่าง ๆ ขึ้นไปประกอบ การส่งทีมนักบินอวกาศจีนออกไปปฏิบัติภารกิจนอกโลกแล้วหลายชุด ยังไม่นับรวมการประกาศ Mission Possible ภารกิจ ‘เหยียบดวงจันทร์’ ภายในปี พ.ศ. 2573 นอกจากนี้ บนหน้าสื่อจะเห็นข่าวความเคลื่อนไหวของจีนกับการส่งดาวเทียมนำร่องในตระกูลเป๋ยโต่วเข้าสู่วงโคจรรอบโลก ซึ่งมีจำนวนเกือบ 60 ดวงแล้ว
ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้น้ำหนักกับการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมเป๋ยโต่วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีดาวเทียมโทรคมนาคม การจราจรทางอากาศ การพยากรณ์สภาพอากาศ ภูมิสารสนเทศ และการกำหนดพิกัดนำร่อง รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมภูมิสารสนเทศและการประยุกต์ใช้ดาวเทียมจีน-อาเซียน (China-ASEAN Geographic Information and Satellite Application Industrial Park) ที่นครหนานหนิงสร้างขึ้นเพื่อวางรากฐานให้กับการพัฒนาอุตสาหกรรมกำลังทวีบทบาทสำคัญและสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตประจำวันอย่าง ‘อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศ’ โดยเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2566
นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ได้รับการกำหนดตำแหน่ง (positioning) ให้มุ่งเน้นการพัฒนาข้อมูลเชิงพาณิชย์ด้านการสำรวจระยะไกลด้วยดาวเทียม (Satellite Remote Sensing) และข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศเป็นพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น ดาวเทียม ภูมิสารสนเทศ 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ในสาขาต่าง ๆ เช่น เมืองอัจฉริยะ การขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ทะเลและฟาร์มปศุสัตว์ การพัฒนาและอนุรักษ์แม่น้ำ การเกษตรอัจฉริยะ รวมไปถึงความมั่นคงตามแนวชายแดน
ความเคลื่อนไหวใหม่เพื่อผลักดันการยกระดับเทคโนโลยีการสํารวจระยะไกลด้วยดาวเทียมและการนําเทคโนโลยีดังกล่าวไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในภูมิภาค เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ได้มีการจัดงานประชุมร่วมคณะกรรมการกํากับการดําเนินการ (Steering Committee) และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญประจําศูนย์การประยุกต์ใช้ดาวเทียมเพื่อการสํารวจระยะไกลจีน-อาเซียน หรือ China-ASEAN Satellite Remote Sensing Application Center ที่นครหนานหนิง โดยมีผู้แทนจากส่วนกลางและชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมด้วย ซึ่งรวมถึงนายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ในฐานะผู้แทนไทย
ภายในงานประชุมฯ ได้มีการประกาศแผนการก่อสร้างและพัฒนาศูนย์ China-ASEAN Satellite Remote Sensing Application Center ระยะ 5 ปี (ระหว่างปี พ.ศ. 2566-2570) และผู้เชี่ยวชาญได้มีการแลกเปลี่ยนในประเด็นสําคัญ เช่น การสร้างกลไกความร่วมมือที่ยั่งยืนด้านการสํารวจระยะไกลด้วยดาวเทียมระหว่างจีนกับอาเซียน การสร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายข้อมูลดาวเทียมจีน-อาเซียนบนระบบคลาวด์ การส่งเสริมการบ่มเพาะ ‘หัวกะทิ’ และการแลกเปลี่ยนการฝึกอบรมด้านเทคนิคการใช้งานดาวเทียมสํารวจระยะไกลร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการวิจัยและการนําบริการเสริมของผลิตภัณฑ์การสํารวจระยะไกลด้วยดาวเทียมไปประยุกต์ใช้ร่วมกัน การพัฒนาความร่วมมือในโครงการด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการสํารวจระยะไกลด้วยดาวเทียมจีน-อาเซียนร่วมกัน รวมถึงการแสวงหาแนวทางการจัดตั้งกลไกลและความร่วมมือเชิงพาณิชย์ด้านการสํารวจระยะไกลด้วยดาวเทียมจีน-อาเซียน
BIC ได้ห้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในบริบทของการเป็น Gateway to ASEAN ของเขตฯ กว่างซีจ้วง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีน (กว่างซี) ได้ใช้งาน China-ASEAN Expo ที่จัดขึ้นเป็นประจําทุกปีที่นครหนานหนิง เป็นหนึ่งในเวทีสําคัญที่จีนใช้ส่งเสริมการพัฒนาและขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศกับชาติสมาชิกอาเซียน โดยมีการจัดฟอรัมและนิทรรศการที่เกี่ยวข้องเป็นประจําทุกปี
“โอกาสสำหรับประเทศไทย”
เทคโนโลยีดาวเทียม เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลไทยให้ความสําคัญเนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสตาร์ทอัพไทยสามารถพัฒนาความร่วมมือและใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศที่ตั้งอยู่ในนครหนานหนิง โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดาวเทียมเป๋ยโต่วที่สอดคล้องกับนิเวศเศรษฐกิจ (ecosystem) ของประเทศไทย การพัฒนาคนที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีดาวเทียมและแอปพลิเคชัน การดึงดูดให้องค์กรในกว่างซีเข้ามามีส่วนร่วมในซัพพลายเชนอุตสาหกรรมดาวเทียมและอวกาศของไทย รวมทั้งการต่อยอดจากฐานอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่แล้วในประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น
โดยรัฐบาลกว่างซีได้แสดงความพร้อมในการให้การสนับสนุน ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษาวิจัย นโยบาย และสิทธิประโยชน์ และการให้บริการข้อมูลแบบเปิดซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ตลอดจนการลดข้อจํากัดในการใช้งานจะช่วยสร้าง ‘โอกาส’ ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพไทยในการนําเครื่องมือและข้อมูล Insight ที่มีประสิทธิภาพไปศึกษาต่อยอดและพัฒนาโซลูชัน แอปพลิเคชัน และบริการต่าง ๆ ป้อนสู่ตลาดปลายน้ํา ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลายระหว่างไทยและจีน
“ประเทศไทยจําเป็นต้องเร่งเดินหน้าและตักตวงโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศกับชาติมหาอํานาจใหม่ด้านอวกาศอย่างจีน เพื่อต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพการผลิตในอุตสาหกรรมดาวเทียมและอวกาศ อย่าพลาดโอกาสหรือตกขบวน”
ข้อมูล :
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เรียบเรียงโดย : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์